วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

พร้อมเพย์ (Prompt Pay)

พร้อมเพย์ (Prompt Pay)
ธุรกรรมการเงินแบบใหม่ที่คนไทยต้องรู้

Prompt pay (พร้อมเพย์) ชื่อนี้คนไทยอาจจะยังไม่คุ้นหูกันนัก เพราะเป็นการเรียกชื่อของธุรกรรมการเงินแบบใหม่ของไทย ที่จะนำมาใช้เร็วๆ นี้ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อนใครๆ ก่อนว่ามันคืออะไร และมีความหมายอย่างไร แล้วจะใช้กันอย่างไร ไม่ใช้ได้ไหม
คำว่า “พร้อมเพย์ (Prompt Pay)” เป็นระยะที่ทำธุรกรรมการเงินที่จะนำมาใช้ใหม่ โดยเรานำบัตรประชาชน (โดยการใช้หมายเลขบัตรประชาชน) หรือ เบอร์โทรศัพท์ของเรามาผูกหรือเชื่อมกบบัญชีธนาคารของเรา หลังจากนั้นเราก็สามารถโอนเงินได้เลยโดยไม่ต้องจำหมายเลขบัญชี ยิ่งใครมีสมุดธนาคารหลายเล่มยิ่งง่ายต่อการทำธุรกรรมนี้ เพราะไม่ต้องยุ่งยากในการจำเลขที่บัญชีธนาคาร ทำให้โอนเงินได้รวดเร็ว
การดำเนินการทางการเงินแบบพร้อมเพย์นี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ โดยประกาศให้ผู้ที่จะใช้ระบบการเงินนี้สามารถไปลงทะเบียนได้
โครงการธุรกรรมการเงินแบบใหม่นี้เป็นโครงการของรัฐบาลที่พัฒนารูปแบบการเงินที่อยู่ในโครงการยุทธศาสตร์ National E-Payment โดยรองรับระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัล โดยได้รับการตอบรับจากธนาคารต่างๆ เป็นอย่างดี

ทำ Promptpay (พร้อมเพย์) แล้วได้ประโยชน์อะไร
ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งฝ่ายภาครัฐและประชาชนโดยทั่วๆ ไป ภาครัฐก็จะทำงานบริการจัดทำข้อมูลกลางได้ และสามารถตรวจสอบระบบการเคลื่อนไหวของการเงินได้อย่างถูกต้อง ประการต่อมา ประชาชนสามารถโอนเงินให้พ่อแม่เพื่อนและบุคคลที่ต้องได้สะดวกขึ้น โดยใช้แค่หมายเลขโทรศัพท์ที่เราจำได้ง่ายหรือบันทึกไว้อยู่แล้ว ก็สามารถโอนได้ทันที ไม่ต้องค้นหาหมายเลขบัญชีของผู้ที่เราจะโอนเงินให้ ให้เกิดความยุ่งยาก นอกจากนั้นก็ง่ายในการติดต่อรับเงินจากภาครัฐ ที่จะต้องจ่ายเงินให้ อาจเป็นเงินช่วยเหลือค่าชดเชยจากการเสียรายได้ เงินสวัสดิการ เงินคืนภาษี ซึ่งเราก็สามารถรับเงินได้ทันที ถ้าเราผูกหมายเลขบัตรประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์มือถือกับบัญชีเงินฝากธนาคารของเรา ถ้าเราลงเขียนใช้บริการแล้วถ้าต้องการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงก็สามารถแจ้งยกเลิกได้อย่างอิสระ
นอกจากนั้น ในรายที่บุคคลได้ทำการค้าขายทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านค้าบน Facebook บน Line ก็สามารถทำการโอนเงินค่าสินค้าได้อย่างสะดวก และง่ายขึ้น ถ้าทั้งสองฝ่ายได้ทำการลงทะเบียนใช้พร้อมเพย์ ก็จะทำให้การชำระเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง และรวดเร็วขึ้นอีกด้วย พูดง่ายๆ ว่า ถ้าใช้ระบบนี้แล้ว เราสามารถทำธุรกรรมการเงินหรือโอนเงินให้บุคคลอื่นๆ ที่ต้องการได้ทันทีโดยไม่ต้องมีเงินสดในมือได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา เท่าที่ต้องการนั่นเอง

เริ่มต้นใช้พร้อมเพย์
ระบบพร้อมเพย์ เป็นการบริการ รับและโอนเงินในรูปแบบใหม่ เราสามารถดำเนินการไปลงทะเบียนได้ที่ธนาคารทุกแห่งที่เรามีบัญชีสมุดเงินฝาก ซึ่งธนาคารหลายแห่ง ตอนนี้มีความพร้อมที่จะให้บริการในการลงทะเบียนได้ทันที ส่วนเอกสารเบื้องต้นที่จะประกอบลงทะเบียนคือ สมุดบัญชีเงินฝากที่มีเลขที่เงินฝากที่ใช้งานได้ในปัจจุบัน ประการต่อมาก็คือ บัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ต้องการลงทะเบียน เมื่อครบก็ไปดำเนินการลงทะเบียนได้ด้วยตนเองที่ธนาคารที่ต้องการได้เลย แต่อย่าลืม ต้องเป็นธนาคารที่เราเปิดบัญชีหรือสามารถใช้ช่องทางการลงทะเบียนได้โดยทาง Online ด้วย Internet Banking หรือลงทะเบียนด้วย Mobile Banking ก็ได้ตามความต้องการ
โดยเปิดให้ดำเนินการลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา เป็นต้น ไปที่ธนาคารที่ธนาคาร แต่ละแห่งตามที่เราเปิดบัญชีไว้นั่นเอง บัญชีนั้นเป็นบัญชีประเภทออมทรัพย์หรือกระแสรายวันบัญชีบุคคลธรรมดา บัญชีเดี่ยว
ซึ่งปัจจุบันธนาคารยังเปิดโอกาสให้ลงทะเบียนได้ และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศให้ทราบว่า ระบบ Prompt Pay จะเริ่มใช้เป็นทางการภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป

ค่าธรรมเนียมการโอน
การเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม เนื่องจากการโอนในระบบพร้อมเพย์ จะคิดจากวงเงินที่ทำการโอนแต่ละครั้ง ดังนี้
* การโอนเงินระหว่างบุคคลธรรมดา ไม่เกิน 5,000 บาท ไม่เสียค่าธรรมเนียม
* โอนเงินระหว่าง 5,000-30,000 บาท จ่ายค่าธรรมเนียมไม่เกิน 2 บาท
* โอนเงินระหว่าง 100,000 บาท ขึ้นไปจะจ่ายค่าธรรมเนียมไม่เกิน 10 บาท
ซึ่งคำว่า ไม่น้อยกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารจะกำหนดเก็บเท่าไหร่ แต่ไม่เกินอัตราที่กำหนด ซึ่งเงื่อนไขข้อดีก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ประชาชนได้เลือกใช้บริการกับธนาคารที่กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่ำสุดได้ ขณะเดียวกัน อัตราค่าธรรมเนียมนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับอัตราค่าธรรมเนียมธุรกรรมการเงินด้านอื่นๆ ของธนาคาแต่อย่างใด
การทำธุรกรรมทางการเงินแบบพร้อมเพย์ แบบใหม่นี้ สังคมโดยรวมยังมีความไม่เข้าใจ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย อาจเป็นการล้วงข้อมูล มองว่าภาครัฐจะเข้ามาควบคุมระบบการเงินส่วนบุคคล มากขึ้นนั้นไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรใหม่เลย ทุกอย่างเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากการทำธุรกรรมผ่านหมายเลขของสมุดบัญชีเงินฝากมาเป็นตัวเลขจากบัตรประชาชน หรือหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลเท่านั้น
ส่วนภาครัฐก็จะได้จัดระบบฐานข้อมูลในระบบกลางให้เหมาะสมมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการปรับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศใหม่ให้ทันสมัย เหมาะสมกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัล คือจะทำให้ระบบการชำระเงินของประเทศไทยเราก้าวหน้ามากขึ้น เพื่อจะสร้างประโยชน์ สนองตอบต่อบุคคลต่อสังคมและประกาศโดยรวมได้รวดเร็วมากขึ้น
เป็นการวางรากฐานโครงสร้างทางการเงินใหม่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัล เปิดโอกาสให้สร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจค่อนข้างเติบโตช้า ก็เนื่องจากปัญหาหนึ่งคือ เรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยังไม่เหมาะสม
เราต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีกำลังมาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน นับวันจะมากขึ้นเรื่อๆย การทำกิจการต่างๆ การทำงานทุกเรื่องจะอยู่บนมือถือ Mobile มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเบ็ดเสร็จบนมือถือ ทางภาคการเงินก็มีการพัฒนาระบบธุรกรรมการเงินให้มากขึ้นเพื่อรองรับระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเริ่มปรับโครงสร้างธุรกรรมการเงินมาอยู่บนระบบ Mobile Banking ให้มากขึ้น เพราะในอนาคต ทุกอย่างคงมารวมอยู่บนมือถืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกรรมการเงินต้องเริ่มปรับและพัฒนาโครงสร้าง ซึ่งสถาบันการเงินเป็นตัวหลักพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นเรื่องบริการให้ลูกค้าได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการทำธุรกรรมมากขึ้น ซึ่งจุดนี้ถ้าสถาบันการเงินสร้างความเชื่อมันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นในใจของลูกค้าได้ ย่อมเป็นจุดแข็งที่ได้เปรียบกับคู่แข่งแน่นอน
เพราะประเทศไทยเราปฏิเสธธุรกรรมการเงินดิจิทัลไม่ได้ ปัจจุบันเราใช้ระบบการ์ด (ATM) ในการถอนเงินโอนเงิน ในขณะเดียวกัน เราก็มาใช้ระบบพร้อมเพย์ คือการโอนเงินและถอนเงินแบบใหม่ควบคู่กันไป เพราะประเทศไทยปัจจุบันเหลือคน 2 ประเภทคือ รุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ รุ่นเก่าใช้คนอื่นทำให้ คือการใช้ให้คนอื่นเอาการ์ด (ATM) ไปกดเงิน โอนเงินให้ ส่วนรุ่นใหม่จะทำธุรกรรมการเงินเอง ถอนเงิน โอนเงินด้วยการ์ด ATM และดำเนินการจัดการธุรกรรมบน Mobile ได้ในที่สุด ถ้ารุ่นเก่าหมดไป ก็จะเหลือคนรุ่นใหม่ที่ทำงานผ่าน Mobile และบนอุปกรณ์ดิจิทัลด้วยตนเองได้ทั้งหมด ประเทศไทยก็จะค่อยๆ พัฒนาไปสู่การใช้ชีวิตอีกระดับหนึ่ง
ดังนั้น การปรับโครงสร้างทางการเงินแบบพร้อมเพย์นั้นจึงเป็นก้าวแรกเพื่อรองรับความเจริญทางเทคโนโลยีและการพัฒนาของอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ที่คนทั่วโลกก็ไม่อาจปฏิเสธได้


******





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น