พร้อมเพย์ (Prompt Pay)
ธุรกรรมการเงินแบบใหม่ที่คนไทยต้องรู้
Prompt pay (พร้อมเพย์)
ชื่อนี้คนไทยอาจจะยังไม่คุ้นหูกันนัก
เพราะเป็นการเรียกชื่อของธุรกรรมการเงินแบบใหม่ของไทย ที่จะนำมาใช้เร็วๆ นี้ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อนใครๆ
ก่อนว่ามันคืออะไร และมีความหมายอย่างไร แล้วจะใช้กันอย่างไร ไม่ใช้ได้ไหม
คำว่า “พร้อมเพย์ (Prompt Pay)”
เป็นระยะที่ทำธุรกรรมการเงินที่จะนำมาใช้ใหม่ โดยเรานำบัตรประชาชน
(โดยการใช้หมายเลขบัตรประชาชน) หรือ เบอร์โทรศัพท์ของเรามาผูกหรือเชื่อมกบบัญชีธนาคารของเรา
หลังจากนั้นเราก็สามารถโอนเงินได้เลยโดยไม่ต้องจำหมายเลขบัญชี
ยิ่งใครมีสมุดธนาคารหลายเล่มยิ่งง่ายต่อการทำธุรกรรมนี้
เพราะไม่ต้องยุ่งยากในการจำเลขที่บัญชีธนาคาร ทำให้โอนเงินได้รวดเร็ว
การดำเนินการทางการเงินแบบพร้อมเพย์นี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการแล้ว
ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ
โดยประกาศให้ผู้ที่จะใช้ระบบการเงินนี้สามารถไปลงทะเบียนได้
โครงการธุรกรรมการเงินแบบใหม่นี้เป็นโครงการของรัฐบาลที่พัฒนารูปแบบการเงินที่อยู่ในโครงการยุทธศาสตร์ National E-Payment โดยรองรับระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัล
โดยได้รับการตอบรับจากธนาคารต่างๆ เป็นอย่างดี
ทำ Promptpay (พร้อมเพย์)
แล้วได้ประโยชน์อะไร
ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งฝ่ายภาครัฐและประชาชนโดยทั่วๆ
ไป ภาครัฐก็จะทำงานบริการจัดทำข้อมูลกลางได้ และสามารถตรวจสอบระบบการเคลื่อนไหวของการเงินได้อย่างถูกต้อง
ประการต่อมา ประชาชนสามารถโอนเงินให้พ่อแม่เพื่อนและบุคคลที่ต้องได้สะดวกขึ้น
โดยใช้แค่หมายเลขโทรศัพท์ที่เราจำได้ง่ายหรือบันทึกไว้อยู่แล้ว
ก็สามารถโอนได้ทันที ไม่ต้องค้นหาหมายเลขบัญชีของผู้ที่เราจะโอนเงินให้
ให้เกิดความยุ่งยาก นอกจากนั้นก็ง่ายในการติดต่อรับเงินจากภาครัฐ
ที่จะต้องจ่ายเงินให้ อาจเป็นเงินช่วยเหลือค่าชดเชยจากการเสียรายได้ เงินสวัสดิการ
เงินคืนภาษี ซึ่งเราก็สามารถรับเงินได้ทันที
ถ้าเราผูกหมายเลขบัตรประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์มือถือกับบัญชีเงินฝากธนาคารของเรา
ถ้าเราลงเขียนใช้บริการแล้วถ้าต้องการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงก็สามารถแจ้งยกเลิกได้อย่างอิสระ
นอกจากนั้น
ในรายที่บุคคลได้ทำการค้าขายทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านค้าบน Facebook บน Line ก็สามารถทำการโอนเงินค่าสินค้าได้อย่างสะดวก และง่ายขึ้น
ถ้าทั้งสองฝ่ายได้ทำการลงทะเบียนใช้พร้อมเพย์
ก็จะทำให้การชำระเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง และรวดเร็วขึ้นอีกด้วย พูดง่ายๆ ว่า
ถ้าใช้ระบบนี้แล้ว เราสามารถทำธุรกรรมการเงินหรือโอนเงินให้บุคคลอื่นๆ
ที่ต้องการได้ทันทีโดยไม่ต้องมีเงินสดในมือได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา
เท่าที่ต้องการนั่นเอง
เริ่มต้นใช้พร้อมเพย์
ระบบพร้อมเพย์ เป็นการบริการ
รับและโอนเงินในรูปแบบใหม่
เราสามารถดำเนินการไปลงทะเบียนได้ที่ธนาคารทุกแห่งที่เรามีบัญชีสมุดเงินฝาก
ซึ่งธนาคารหลายแห่ง ตอนนี้มีความพร้อมที่จะให้บริการในการลงทะเบียนได้ทันที
ส่วนเอกสารเบื้องต้นที่จะประกอบลงทะเบียนคือ สมุดบัญชีเงินฝากที่มีเลขที่เงินฝากที่ใช้งานได้ในปัจจุบัน
ประการต่อมาก็คือ บัตรประจำตัวประชาชน
หรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ต้องการลงทะเบียน
เมื่อครบก็ไปดำเนินการลงทะเบียนได้ด้วยตนเองที่ธนาคารที่ต้องการได้เลย แต่อย่าลืม
ต้องเป็นธนาคารที่เราเปิดบัญชีหรือสามารถใช้ช่องทางการลงทะเบียนได้โดยทาง Online ด้วย Internet
Banking หรือลงทะเบียนด้วย Mobile Banking ก็ได้ตามความต้องการ
โดยเปิดให้ดำเนินการลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่
15 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา เป็นต้น ไปที่ธนาคารที่ธนาคาร
แต่ละแห่งตามที่เราเปิดบัญชีไว้นั่นเอง บัญชีนั้นเป็นบัญชีประเภทออมทรัพย์หรือกระแสรายวันบัญชีบุคคลธรรมดา บัญชีเดี่ยว
ซึ่งปัจจุบันธนาคารยังเปิดโอกาสให้ลงทะเบียนได้
และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศให้ทราบว่า ระบบ Prompt Pay จะเริ่มใช้เป็นทางการภายในวันที่ 31 ตุลาคม
2559 เป็นต้นไป
ค่าธรรมเนียมการโอน
การเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
เนื่องจากการโอนในระบบพร้อมเพย์ จะคิดจากวงเงินที่ทำการโอนแต่ละครั้ง ดังนี้
* การโอนเงินระหว่างบุคคลธรรมดา
ไม่เกิน 5,000 บาท ไม่เสียค่าธรรมเนียม
* โอนเงินระหว่าง 5,000-30,000 บาท
จ่ายค่าธรรมเนียมไม่เกิน 2 บาท
* โอนเงินระหว่าง 100,000 บาท
ขึ้นไปจะจ่ายค่าธรรมเนียมไม่เกิน 10 บาท
ซึ่งคำว่า
ไม่น้อยกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารจะกำหนดเก็บเท่าไหร่
แต่ไม่เกินอัตราที่กำหนด ซึ่งเงื่อนไขข้อดีก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ประชาชนได้เลือกใช้บริการกับธนาคารที่กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่ำสุดได้
ขณะเดียวกัน
อัตราค่าธรรมเนียมนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับอัตราค่าธรรมเนียมธุรกรรมการเงินด้านอื่นๆ
ของธนาคาแต่อย่างใด
การทำธุรกรรมทางการเงินแบบพร้อมเพย์
แบบใหม่นี้ สังคมโดยรวมยังมีความไม่เข้าใจ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
อาจเป็นการล้วงข้อมูล มองว่าภาครัฐจะเข้ามาควบคุมระบบการเงินส่วนบุคคล
มากขึ้นนั้นไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรใหม่เลย ทุกอย่างเหมือนเดิม
เพียงแต่เปลี่ยนจากการทำธุรกรรมผ่านหมายเลขของสมุดบัญชีเงินฝากมาเป็นตัวเลขจากบัตรประชาชน
หรือหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลเท่านั้น
ส่วนภาครัฐก็จะได้จัดระบบฐานข้อมูลในระบบกลางให้เหมาะสมมากขึ้น
อีกทั้งยังเป็นการปรับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศใหม่ให้ทันสมัย
เหมาะสมกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัล คือจะทำให้ระบบการชำระเงินของประเทศไทยเราก้าวหน้ามากขึ้น
เพื่อจะสร้างประโยชน์ สนองตอบต่อบุคคลต่อสังคมและประกาศโดยรวมได้รวดเร็วมากขึ้น
เป็นการวางรากฐานโครงสร้างทางการเงินใหม่
เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัล เปิดโอกาสให้สร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ
ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจค่อนข้างเติบโตช้า ก็เนื่องจากปัญหาหนึ่งคือ
เรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยังไม่เหมาะสม
เราต้องยอมรับว่า
เทคโนโลยีกำลังมาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน นับวันจะมากขึ้นเรื่อๆย
การทำกิจการต่างๆ การทำงานทุกเรื่องจะอยู่บนมือถือ Mobile มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเบ็ดเสร็จบนมือถือ
ทางภาคการเงินก็มีการพัฒนาระบบธุรกรรมการเงินให้มากขึ้นเพื่อรองรับระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ
โดยเริ่มปรับโครงสร้างธุรกรรมการเงินมาอยู่บนระบบ Mobile Banking ให้มากขึ้น เพราะในอนาคต
ทุกอย่างคงมารวมอยู่บนมือถืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกรรมการเงินต้องเริ่มปรับและพัฒนาโครงสร้าง
ซึ่งสถาบันการเงินเป็นตัวหลักพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากเป็นเรื่องบริการให้ลูกค้าได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการทำธุรกรรมมากขึ้น
ซึ่งจุดนี้ถ้าสถาบันการเงินสร้างความเชื่อมันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นในใจของลูกค้าได้
ย่อมเป็นจุดแข็งที่ได้เปรียบกับคู่แข่งแน่นอน
เพราะประเทศไทยเราปฏิเสธธุรกรรมการเงินดิจิทัลไม่ได้
ปัจจุบันเราใช้ระบบการ์ด (ATM) ในการถอนเงินโอนเงิน
ในขณะเดียวกัน เราก็มาใช้ระบบพร้อมเพย์ คือการโอนเงินและถอนเงินแบบใหม่ควบคู่กันไป
เพราะประเทศไทยปัจจุบันเหลือคน 2 ประเภทคือ รุ่นเก่ากับรุ่นใหม่
รุ่นเก่าใช้คนอื่นทำให้ คือการใช้ให้คนอื่นเอาการ์ด (ATM)
ไปกดเงิน โอนเงินให้ ส่วนรุ่นใหม่จะทำธุรกรรมการเงินเอง ถอนเงิน โอนเงินด้วยการ์ด ATM
และดำเนินการจัดการธุรกรรมบน Mobile ได้ในที่สุด
ถ้ารุ่นเก่าหมดไป ก็จะเหลือคนรุ่นใหม่ที่ทำงานผ่าน Mobile และบนอุปกรณ์ดิจิทัลด้วยตนเองได้ทั้งหมด
ประเทศไทยก็จะค่อยๆ พัฒนาไปสู่การใช้ชีวิตอีกระดับหนึ่ง
ดังนั้น
การปรับโครงสร้างทางการเงินแบบพร้อมเพย์นั้นจึงเป็นก้าวแรกเพื่อรองรับความเจริญทางเทคโนโลยีและการพัฒนาของอุปกรณ์ไอทีต่างๆ
ที่คนทั่วโลกก็ไม่อาจปฏิเสธได้
******
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น