วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

มาตรฐานการทำงานก่อสร้าง

การก่อสร้าง จัดว่าเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายในการเกิดอุบัติเหตุในอันดับต้น  ๆ ของการทำงานอีกประเภทหนึ่ง ของงานที่เสี่ยงกับการเกิดอันตรายต่อชีวิต ถ้าพูดถึงการทำงานด้านก่อสร้างของผู้ใช้แรงงานก่อสร้างนั้น ในการคุ้มครองการทำงานของแรงงานนั้นก็มีกฏหมายหลายฉบับออกมาใช้บังคับว่า ผู้ที่ทำงานในงานก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นใครทำหน้าที่อะไรก็ตามอยู่บริเวณที่ทำงานก่อสร้าง หรืองานประเภทที่เสี่ยงอัตรายนั้นกฏหมายบังคับว่าต้องใช้อุปกรณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายขณะทำงาน







สิ่งที่จำเป็นที่นายจ้างจะต้องเตรียมไว้ให้เพียงพอสำหรับ ผู้ที่ทำงานในงานที่ม่อันตราย  ถ้าไม่มีหรือมีผู้ที่ทำงานไม่ปฏิบัตตาม ในการที่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยในขณะทำงานนั้น  ผู้ที่เป็นนายจ้างหรือผู้ที่ดูแลในการทำงานนั้นจะต้องมีความผิดตามกฏหมาย นั้น และต้องทำตามอย่างเคร่งครัด  โดยเฉพาะประเทศที่เจริญที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยี หรือที่เรียกกันว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว เรื่องการป้องกันความปลอดไมาให้เกิดอันตรายนั้น ประชากรของประเทศเหล่านั้นจะให้ความสำคัญมาก และเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้  โดยเฉพาะการที่ต้องเข้าไปทำงานในสถานที่อาจจะเกิดอันตรายได้ทุกเวลา เช่น งานเหมืองแร่  งานก่อสร้างอาคาร ก่อสร้างถนน  โรงหล่อ ขุดอุโมงค์  เป็นต้น โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม  ที่ต้องมีสภาพที่เสียงดัง พื้นเต็มไปด้วยเศษวัสดุ คราบนำ้มัน  ที่อาจจะเกิดอันตรายได้  ในบริเวณที่มีสภาพไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็นสียง กลิ่น ความร้อน  ความเย็น แสง และอื่น ๆ สิ่งเหล่าล้วนที่จะสามารถจะเกิดอันตรายได้กับ ทุกส่วนของร่างการยได้ตลอดเวลา ในประเทศที่พัฒนาแล้วผู้ที่ทำงานนั้น จะให้ความสำคัญอย่างมาก ทั้งภาครัฐบาล และส่วนบุคคล ถ้าไม่มีอุปกรณ์ป้องกันความเสี่ยงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จะไม่ทำงานโดยเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะชีวิตของพวกเขามีค่ามาก  แต่ถ้าเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา หรือประเทศที่ล้าหลังก็จะล้าหลังทั้งด้านความคิด และวิธีการทำงานอันดับแรก เพราะคิดเหมือนกันว่าไม่เป็นไร  แค่นี้คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ความสูญเสียขึ้นมา ก็พูดต่อว่า "นึกว่าไม่เป็นไร  มันไม่น่าเกิดขึ้น" ก็คิดกัน และพูดกันตามมา จากรุ่นสู่รุ่น ไม่มีสำนึกที่จำไว้เป็นบทเรียน เตือนกัน แล้วหาแนวทางพัฒนาให้ดีกว่าเดิม โทษกันไปมา นายจ้างก็เห็นแก่ตัวไม่อยากลงทุนเพิ่ม ไม่หาอุปกรณ์ไว้ให้คนงาน คนงานก็มักง่าย เวลาทำงานก็ไม่อยากใส่  ไม่อยากสวมอุปกรณ์ป้องกันเรื่องความปลอดภ้ย ไม่ห่วงชีวิตของคนอื่น คิดแต่เรื่องต้นทุน และกำไรที่จะได้  เวลาเกิดความเสียหายแก่ชีวิต และร่างกายก็โทษกันไปมา ผู้ประกอบการก็เห็นแก่ตัว จ้องแต่ประหยัดต้นทุน ฝ่ายเดียว คนงานบาดเจ็บก็ไม่สนใจ ส่วนคนงานก็ไม่สนใจความเป็นอยู่ของต้นเอง  ไม่ยอมพัฒนาชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น จำนนต่อโชคชะตาว่า ว่าตนเองเกิดมาเป็นชนชั้นใช้แรงงาน ไม่ยอมทำความเข้าใจในสิทธิของตนที่ควรจะได้รับ ซึ่งเรื่องนี้ ประเทศสิงค์โปร์ และประเทศมาเลเชีย ได้พัฒนาห่างไกลกว่าไทยไปหลายร้อยปีแล้ว แล้วเมื่อไหร่ไทยเราจะพัฒนาทัดเทียมเขาเสียที




วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

ปลอดภัยไว้ก่อน






ระบบจัดซื้อจัดจ้างแบบอิเล็กทรอนิกส์


การจ้ดซื้อจัดจ้าง กับภาครัฐ ที่ภาคเอกชนจะต้องทำความเข้าใจ  ว่าในปัจจุบันทางกรมบัญชีกลางได้นำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการจัดซื้อจัดจ้าง เนื่องจากระบบเดิม ที่ใช้วิธียื่นซองประมูลราคากัน แบบเดิม ๆ นั้น เกิดข้อสงสัย ว่าไม่น่าจะยุติธรรมในการประกวดราคา ในการรับงานจากภาครัฐ ทำให้เกิดการทุจริตได้ง่าย เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว จึงใช้ระบบนี่มาใช้ หวังจะแก้ปัญ และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกันความไม่โปร่งใสของ ระบบการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่เป็นธรรม

พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2560

บัญชีกลางเร่งทำกฎหมายลูก พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2560
กรมบัญชีกลางเร่งทำกฎหมายลูกที่ออกตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... หลังจาก สนช.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ เพื่อทุกหน่วยงานภาครัฐใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันแลtทำให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นในภาครัฐ
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอประกาศใช้อย่างเป็นทางการ และกรมบัญชีกลางได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อเร่งจัดทำกฎหมายลูกให้สอดคล้องครอบคลุมเนื้อหาในแต่ละมาตราของร่าง พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างฯ ให้แล้วเสร็จทันภายใน 180 วัน นับแต่ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าจะมีผลใช้บังคับประมาณเดือนสิงหาคม 2560
 ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐมีกรอบการปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน มุ่งเน้นเปิดเผยข้อมูลที่มีความโปร่งใสและเกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายเงิน เน้นการวางแผนและประเมินผลให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบและป้องกันการทุจริต ที่สำคัญจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังได้นำข้อตกลงคุณธรรมเข้ามาเป็นเครื่องมือในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโดยเน้นข้อตกลงร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานเจ้าของโครงการ ผู้เสนอราคา และผู้สังเกตการณ์ ทั้งนี้ผู้สังเกตการณ์ต้องเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ มีความเป็นกลาง และไม่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการนั้นๆ ซึ่งการเข้าร่วมสังเกตการณ์ จะเข้าร่วมตั้งแต่เริ่มจัดทำร่าง TOR จนถึงสิ้นสุดโครงการ และประชาชนทั่วไปยังสามารถติดตามตรวจสอบข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างได้จากเว็บไซต์ www.gprocurement.go.th อีกช่องทางหนึ่งด้วย
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า การจัดซื้อจัดจ้างในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะมีเพียง 3 วิธี คือ 1. วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป โดยการให้ผู้ประกอบการทั่วไปที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดเข้ายื่นข้อเสนอ 2. วิธีคัดเลือก เข้าร่วมได้เฉพาะผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 3 ราย ให้เข้ายื่นข้อเสนอได้ เว้นแต่ผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามกำหนดน้อยกว่า 3 ราย และ 3. วิธีเฉพาะเจาะจง หน่วยงานภาครัฐเชิญผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดรายใดรายหนึ่ง ให้เข้ายื่นข้อเสนอหรือให้เข้ามาเจราจาต่อรองราคากับหน่วยงานของรัฐโดยตรง

ทั้งนี้ ยังให้ความสำคัญในเรื่องการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยกำหนดบทลงโทษทางอาญากับผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
“กรมบัญชีกลางได้วางแผนและระดมบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ เพื่อเร่งจัดทำกฎหมายลูกให้สอดคล้องครอบคลุมเนื้อหา ในแต่ละมาตราของร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ให้แล้วเสร็จทันภายใน 180 วัน รวมทั้งได้เตรียมการชี้แจงทำความเข้าใจประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนไว้แล้ว เชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะทำให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นระบบและเป็นมาตรฐานเดียวกัน กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่าสูงสุดกับภาครัฐและที่สำคัญประเทศจะได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้อย่างมาก” นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าว

การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

กำหนด SPEC การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
            ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ในการประมูลงานของภาครัฐนั้น  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจะจัดซื้อจัดจ้างนั้น  ต้องกำหนด สเปค (SPEC)  ของสิ่งที่ต้องการในการจำซื้อจัดจ้างก่อน ซึ่งเรียกว่าการเขียน หรือจัดทำ TOR ( Terms of Reference) กันก่อน
            การจัดซื้อจัดจ้างนั้น เป็นทั้งนโยบาย  กำหนดในข้อกฎหมาย   ที่เป็นแนวทาง วิธีปฎิบัติการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ  ที่กำหนดรายละเอียด  ข้อบังคับต่าง ๆ ในการที่หน่วยงานของภาครัฐ  จะทำการจัดซื้อวัสดุ  อุปกรณ์  เครื่องมือ หรือจัดจ้าง ให้หน่วยงานอื่น มาทำงานให้กับภาครัฐ นั้น  เพื่อให้วิธีการจัดซื้อจัดข้างนั้นเป็นไปตามระเบียบและเป็นแนวทางที่เหมาะสม  มีมาตราฐานนั้น จัดได้กำหนดที่จะยึดเป็นแบบเดียวกัน เรียกว่า “  ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ..  2535 และแก้ไขเพิ่มเติม
            ซึ่งในปัจจุบัน หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดซื้อ จัดจ้างนี้ อยู่ในสังกัด ของกรมบัญชีกลาง  ที่มีชื่อว่า “สำนักพัฒนามาตรฐานระบบพัสดุภาครัฐ”
            ซึ่งถ้าภาคธุรกิจใดที่มีความต้องการ หรือสนใจ  จะประมูลงาน  เพื่อจะเสนองานเพื่อจัดซื้อจัดจ้างก็สามารถติดต่อได้โดยตรง  ซึ่งจะมีข้อมูลในการจัดซื้อจัดจ่งไว้คอยบริการมากมายทั่วประเทศ และนอกจากนั้นยังสามารถเข้ามาติดตามข้อมูลหารายละเอียดได้ที่เว็บไซค์ตลอดเวลา  ซึ่งแนวทางในการจัดซื้อจัดจ้างนั้นได้กำหนดหรือแบ่งวิธีการจัดซื้อจัดจ้างไว้ ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 6  ประเภทด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย
            วิธีตกลงราคา  วิธีสอบราคา   วิธีประกวดราคา  วิธีพิเศษ  วิธีกรณีพิเศษ  และวิธี ประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E- Auction)

          โดยแต่ละวิธีก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ไป ตามข้อกำหนด ของวงเงินที่จะใช้ในการจัดซื้อจัดจ้าง และก็แบ่งรายละเอียดข้อปลีกย่อยออกไปอีก  3   กรณี
            #  กรณีที่ใช้วงเงิน เป็นตังกำหนด   ซึ่งก็แบ่งออกเป็น  3   วิธี
                          วิธีตกลงราคา เป็นการจัดหาครั้งหนึ่ง ไม่เกิน  100,000 บาท
                       
  วิธีตกลงราคา  วงเงินเกิน  100,000 บาท   แต่ไม่เกิน 2,000,000  บาท
                       
วิธีประกวดราคา  จำนวน วงเงินเกิน 2,000,000  บาท
             #    กรณีที่ใช้วงเงิน    และใช้เงื่อนไขอื่น เป็นตัวกำหนด 1   วิธี
                          วิธีพิเศษ  ใช้วงเงินเกิน  100, 000  บาท  และต้องมีรายละเอียดหรือเหตุผล ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ 2535  และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ตาม ข้อ  23 และ ข้อ 24)
            #   กรณีที่ใช้เงื่อนไข  ไม่จำกัดวงเงิน 
                          วิธีกรณีพิเศษ  เป็นการจัดซื้อหรือจัดจ้าง ที่ได้รับสิทธิพิเศษ จากหน่วยงานราชการ  รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๆ   และวิธีนี้ก็แบ่งออกตามเงื่อนไขอีก    2    ประเภท ดังนี้
1)      ประเภทบังคับ   หมายถึง สิทธิพิเศษที่บังคับให้ส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  หรือหน่วยงานของรัฐ  ต้องสั่งซื้อหรือจัดจ้าง จากหน่วยงานภาครัฐ  รัฐวิสาหกิจ  ที่ได้รับสิทธิพิเศษนั้น เท่านั้น  ยกตัวอย่าง กระทรวงกลาโหม  ต้องทำการจัดซื้อจัดจ้าง รองเท้าหนัง   จากองค์การฟอกหนัง  โดยตรงเท่านั้น จะไปพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างจากหน่วยงานอื่นใด ไม่ได้ เป็นต้น
2)      ประเภทไม่บังคับ  เป็นสิทธิพิเศษ ที่เปิดโอกาสให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานอื่นของภาครัฐ สามารถจะพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้าง นั้น จากหน่วยงานที่ได้รับสิทธิพิเศษนั้นได้ หรือไม่ก็ได้

         ซึ่ง รายละเอียดนี้น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับหน่วยงานภาคเอกชน  ที่สนใจจะเข้าร่วมประมูลงานกับภาครัฐ   และพิจารณาคุณสมบัติของหน่วยงานของตนว่า เหมาะสมเข้าข่ายที่จะเข้าไปหางานกับภาครัฐ นั้นหรือไม่อย่างไร  และมีเงื่อนไข ที่ต้องปรับปรุง ให้มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของหน่วยงานที่เปิดจัดซื้อจัดจ้างอย่างไร

 การกำหนด SPEC จัดซื้อจัดจ้าง
            การจัดซื้อจัดจ้าง เป็นแนวทางหรือวิธีปฎิบัติของทางราชการที่มีเป้าหมายในเรื่องของการจัดหา จัดซื้อสินค้า  วัสดุ อุปกรณ์ ต่าง ๆ  ตลอดจนการจัดจ้าง เพื่อให้ทำงานการก่อสร้าง การปรับปรุง และอื่น ๆ  ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการของผู้ว่าจ้าง    ซึ่งสิ่งที่มานั้นจะนำมาใช้ ในงานของทางราชการเองโดยตรง  หรือนำมาจัดสรรให้บริการแก่ประชาชน   ชุมชน  หน่วยงานต่าง ๆ  ที่ได้รับการอนุมัติตามนโยบายของภาครัฐ 
            ดังนั้นแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างงานนั้น จึงได้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นแนวทางในการปฎิบัติ  เพื่อให้ได้เหมาะสม  ถูกต้อง มีคุณสมบัติตรงครบถ้วน  เพื่อให้ทางราชการและการบริการประชาชน นั้นจะได้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นเอง     แนวทางในการจัดซื้อจัดจ้าง  นั้นเรื่องแรก เรียกกันว่า การกำหนดสเปค  (SPEC)  การกำหนดสเปค นั้นเป็นการวางกรอบ หรือคุณสมบัติในเรื่องนั้น ๆ  ขึ้น  เพื่อให้ได้ชิ้นงานตามที่ผู้ใช้ต้องการนั้นเอง
            คำว่า สเปค ย่อมาจาก  คำว่า Specification   หมายถึง   ข้อกำหนด ทางเทคนิคที่จัดทำแบบทาง   เอกสาร    ที่กล่าวถึง  ความต้องการ ของหน่วยงาน  ของเจ้าของงาน หรือของผู้ที่เป็นเจ้าของโครงการ   เพื่อแจ้งหรือส่งไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง  ผู้ที่มีส่วนได้เสีย (stakeholders)   เช่นเรื่องของการก่อสร้าง   งานผลิต  งานจัดซื้อวัสดุ ครุภัณฑ์    โดยมีเป้าหมาย   เพื่อกำหนด ขอบเขต  ขอบข่ายงาน  มาตรฐานที่ต้องการให้ใช้  ชนิด  ขนาด และรายละเอียดของวัสดุ   เครื่องจักร  เครื่องมือ  ในงานนั้น ๆ


            เมื่อกำหนด สเปคได้แล้วประการต่อมาก็ต้อง เขียน หรือจัดทำ TOR  (Terms Of  Reference)  ซึ่ง TOR  นี้จะ หมายถึง  ข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง  TOR  เป็นเอกสารที่ต้องจัดทำขึ้นเพื่อกำหนด   ขอบเขต  และรายละเอียด  ของผู้ที่ว่าจ้างว่าต้องการให้ผู้รับจ้างทำหรือดำเนินการ  โดยต้องเขียนกำหนดกรอบของงานที่ต้องการให้ชัดเจน   ตลอดจนเวลาเริ่มงาน   เวลาจบงาน    คุณสมบัติของผู้ที่จะมาเสนอราคา ข้อกำหนดและขั้นตอนต่าง ๆ  ที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้ดำเนินการ  ตลอดจนค่าปรับ เมื่อการทำงานนั้นไม่เป็นไปตามสัญญา  เพื่อประกาศให้ผู้ขายหรือผู้รับจ้างได้ศึกษา ได้รับทราบ  และผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือหน่วยงาน ที่ต้องการจัดซื้อจัดจ้าง ได้ทราบว่าเข้าข่ายหรือมีความสมารถที่จะเข้าไปรับประมูลงานนั้นหรือไม่ อย่างไร  ที่จะเข้าไปดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามประกาศนั้นหรือไม่
            ส่วนขอบเขตของงาน TOR  หรือการกำหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะเฉพาะ ในการจัดวื้อจัดจ้างนั้น  ประการแรกผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เขียน หรือผู้จัดทำนั้น  ก่อนอื่นต้องพิจารณาและศึกษารายละเอียด  ระเบียบ คำสั่ง  ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับระเบียบในการจัดซื้อจัดจ้าง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.2535 และแกไขเพิ่มเติม  และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้เข้าใจก่อน  เพราะรายละเอียดต่าง ๆ  ที่เขียนหรือกำหนดขึ้นมานั้น  นอกจากจะให้เป็น ไปตามที่ผู้รับจ้างต้องการแล้ว  ก็ยังมีผลในทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
            ดังที่ทราบแล้วว่า การเขียน  TOR  เป็นการเขียนสิ่งที่ต้องการของผู้จ้างที่อยากจะได้ จากผู้รับจ้าง  ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ประกอบการที่มีความสนใจในงานของภาครัฐ  มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอ่าน ทำความเข้าใจ ในรายละเอียด  ทุกประโยค  ทุกข้อความ ทุกบรรทัด ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการประมูลงาน  เพราะอาจมีข้อความที่ไม่ชัดเจน  คลุมเครือ  ไม่โปร่งใสซ่อนเล้นอยู่ บางประโยค ก็มีความหมาย ที่จะให้ตีความกว้างมากเกินไป   ซึ่งตรงจุดนี้อาจทำให้เจ้าหน้าที่ผู้พิจารณา ใช้ดุลยพินิจพิจารณากว้างเกินออกไป  อาจเกิดปัญหา ส่อว่า  ข้อความดังกล่าวอาจเป็นปลายเปิด เปิดช่องให้ใช้ดุลยพินิจ ของเจ้าหน้าที่ไปในทางไม่โปร่งใส ในการแข่งขันประมูลงานนนั้นได้

            เรื่องนี้ก็มีตัวอย่างจริง จากการเขียนรายละเอียด ของ  TOR ของหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่ง  ที่มีข้อความอาจจะเปิดช่องให้การประมูลงาน นั้นเข้าข่ายการกีดกั้น การประมูลงาน  โดยได้รับการเปิดเผยในข้อสงสัยจากผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายหนึ่งว่า
            เมื่อประมาณปลายปี 2559   มีหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ได้ประกาศจ้างงานก่อสร้างอาคาร  ประเภทศาลากลางจังหวัด และศูนย์ราชการจังหวัด ให้กับส่วนราชการภายในสังกัด หลายแห่ง   และเมื่อผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างดังกล่าวได้อ่าน และศึกษาข้อความใน
TOR  อย่างละเอียดแล้ว  และเกิดความสงสัยไม่เข้าใจในข้อกำหนด เรื่องคุณสมบัติ ของผู้ที่จะเข้ามารับเหมาว่า อาจจะเข้าข่ายไม่โปร่งใส และจะมีการล็อคสเปค กันหรือไม่
            ตัวอย่างเอกสารนั้นมีข้อความว่า  ประกวดราคา ก่อสร้างศูนย์ราชการจังหวัด  วงเงิน   600  ล้านบาท  ระบุว่า  เป็นอาคารเอกลักษณ์ และมีลักษณะสถาปัตยกรรมไทย  นอกจากนั้นยังกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าประมูลไว้อย่างน่าแปลกว่า  "ผู้ยื่นซองประกวดราคา  ต้องมีผลงานด้านก่อสร้างอาคาร   สำนักงาน  หรืออาคารสาธรณะ ขนาดใหญ่ที่เป็นงาน สถาปัตยกรรม และเป็นอาคารสูง ไม่น้อยกว่า 4  ชั้น"
            ในกรณีนี้ ผู้รับเหมาดังกล่าวเกิดความสงสัย แล้วก็ไปสอบถามจากวิศวกร และนักวิชาการก่อสร้างจากหลายสถาบัน  รวมทั้งผู้รับเหมาก่อสร้างหลายราย  ต่างข้อมีข้อพิจารณา ที่เป็นข้อสงสัยร่วมกันว่า
            ประการที่ 1 การเขียน TOR  ลักษณะนี้  มีข้อสงสัยคาดว่า อาจเปิดช่อง  ให้กรรมการจัดซื้อจัดจ้าง  ที่เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ  พิจารณาตีความว่า ผลงานของผู้ใด เข่าข่ายหรือไม่เข้าข่าย ที่เป็น  “สถาปัตยกรรมไทย  หรือไม่นั้นได้กว้างมาก   เนื่องจากคำนี้ไม่มีคำจำกัดความ ที่ชัดเจนนั้นเอง
            ประการที่ 2  การเขียน ในประโยคดังกล่าวน่า จะเป็นเจตนาจำกัดสิทธิ์การเข้าร่วมประมูล  หรือมีจำนวนน้อยลงหรือไม่  เนื่องจากรูปแบบของอาคารและศุนย์ราชการโดยทั่วไป และในอดีตนั้น  ก็ไม่มีอาคารใดที่มีความซับซ้อนหรือเป็นงานแบบประณีตศิลป์ ประเภทสถาปัตยกรรมไทย เลย
           

ประการที่ 3  การเขียน นั้นยังได้กำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติม  ของผู้เข้าร่วมเสนอราคานั้นจะต้อง เคยก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ที่มีความสูงไม่น้อยกว่า  4   ชั้น และถ้าเป็นอาคารประเภทสถาปัตยกรรมไทยนั้นในการก่อสร้างที่ผ่านมาเท่าที่สืบค้นได้ ก็ไม่ปรากฎว่ามีอาคารสูงมากกว่า 4 ชั้นเลย  มีเพียง แค่ 1- 2  ชั้นเท่านั้น
            นี้คือข้อสงสัยในการกำหนด สเปค (SPEC) ที่เขียนใน TOR  มีความไม่โปร่งใส  ฉ้อฉล  ข้อความประเภทนี้มีลักษณะปลายเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ดุลยพินิจ พิจารณางานกว้างเกินไป   ซึ่งอาจเขียนวางกรอบไว้สำหรับคนที่คุ้นเคย หรือพวกพ้อง เพื่อแอบแฝงหาประโยชน์ในโครงการร่วมกันหรือไม่
            เรื่องนี้แป็นประเด็นสำคัญมาก  ที่ผู้ประกอบการวงการก่อสร้างควรศึกษาและทำความเข้าใจ ตีความในข้อความ เมื่อไม่เข้าใจสงสัยควรโต้แย้งและหาคำตอบ   นอกจากนั้นต้องให้ข้อมูลหรือเผยแพร่ ในแนวทางปฎิบัติที่คาดว่าจะไม่ยุติธรรมในวงการก่อสร้างร่วมกัน   เพื่อให้การฉ้อฉล ที่จะทำให้วงการก่อสร้างเสียหายไม่ได้รับการปฎิบัติที่เท่าเทียมกัน  ลดน้อยลงไป และเกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการก่อสร้างที่ จริงใจตั้งใจทำงานบนพื้นฐานของความถูกต้อง นอกจากนั้นยังเป็นการยกระดับวงการก่อสร้างไทยให้มีความเจริญมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ อีกด้วย

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
           
             

                          


วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

พร้อมเพย์ (Prompt Pay)

พร้อมเพย์ (Prompt Pay)
ธุรกรรมการเงินแบบใหม่ที่คนไทยต้องรู้

Prompt pay (พร้อมเพย์) ชื่อนี้คนไทยอาจจะยังไม่คุ้นหูกันนัก เพราะเป็นการเรียกชื่อของธุรกรรมการเงินแบบใหม่ของไทย ที่จะนำมาใช้เร็วๆ นี้ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อนใครๆ ก่อนว่ามันคืออะไร และมีความหมายอย่างไร แล้วจะใช้กันอย่างไร ไม่ใช้ได้ไหม
คำว่า “พร้อมเพย์ (Prompt Pay)” เป็นระยะที่ทำธุรกรรมการเงินที่จะนำมาใช้ใหม่ โดยเรานำบัตรประชาชน (โดยการใช้หมายเลขบัตรประชาชน) หรือ เบอร์โทรศัพท์ของเรามาผูกหรือเชื่อมกบบัญชีธนาคารของเรา หลังจากนั้นเราก็สามารถโอนเงินได้เลยโดยไม่ต้องจำหมายเลขบัญชี ยิ่งใครมีสมุดธนาคารหลายเล่มยิ่งง่ายต่อการทำธุรกรรมนี้ เพราะไม่ต้องยุ่งยากในการจำเลขที่บัญชีธนาคาร ทำให้โอนเงินได้รวดเร็ว
การดำเนินการทางการเงินแบบพร้อมเพย์นี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ โดยประกาศให้ผู้ที่จะใช้ระบบการเงินนี้สามารถไปลงทะเบียนได้
โครงการธุรกรรมการเงินแบบใหม่นี้เป็นโครงการของรัฐบาลที่พัฒนารูปแบบการเงินที่อยู่ในโครงการยุทธศาสตร์ National E-Payment โดยรองรับระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัล โดยได้รับการตอบรับจากธนาคารต่างๆ เป็นอย่างดี

ทำ Promptpay (พร้อมเพย์) แล้วได้ประโยชน์อะไร
ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งฝ่ายภาครัฐและประชาชนโดยทั่วๆ ไป ภาครัฐก็จะทำงานบริการจัดทำข้อมูลกลางได้ และสามารถตรวจสอบระบบการเคลื่อนไหวของการเงินได้อย่างถูกต้อง ประการต่อมา ประชาชนสามารถโอนเงินให้พ่อแม่เพื่อนและบุคคลที่ต้องได้สะดวกขึ้น โดยใช้แค่หมายเลขโทรศัพท์ที่เราจำได้ง่ายหรือบันทึกไว้อยู่แล้ว ก็สามารถโอนได้ทันที ไม่ต้องค้นหาหมายเลขบัญชีของผู้ที่เราจะโอนเงินให้ ให้เกิดความยุ่งยาก นอกจากนั้นก็ง่ายในการติดต่อรับเงินจากภาครัฐ ที่จะต้องจ่ายเงินให้ อาจเป็นเงินช่วยเหลือค่าชดเชยจากการเสียรายได้ เงินสวัสดิการ เงินคืนภาษี ซึ่งเราก็สามารถรับเงินได้ทันที ถ้าเราผูกหมายเลขบัตรประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์มือถือกับบัญชีเงินฝากธนาคารของเรา ถ้าเราลงเขียนใช้บริการแล้วถ้าต้องการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงก็สามารถแจ้งยกเลิกได้อย่างอิสระ
นอกจากนั้น ในรายที่บุคคลได้ทำการค้าขายทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านค้าบน Facebook บน Line ก็สามารถทำการโอนเงินค่าสินค้าได้อย่างสะดวก และง่ายขึ้น ถ้าทั้งสองฝ่ายได้ทำการลงทะเบียนใช้พร้อมเพย์ ก็จะทำให้การชำระเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง และรวดเร็วขึ้นอีกด้วย พูดง่ายๆ ว่า ถ้าใช้ระบบนี้แล้ว เราสามารถทำธุรกรรมการเงินหรือโอนเงินให้บุคคลอื่นๆ ที่ต้องการได้ทันทีโดยไม่ต้องมีเงินสดในมือได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา เท่าที่ต้องการนั่นเอง

เริ่มต้นใช้พร้อมเพย์
ระบบพร้อมเพย์ เป็นการบริการ รับและโอนเงินในรูปแบบใหม่ เราสามารถดำเนินการไปลงทะเบียนได้ที่ธนาคารทุกแห่งที่เรามีบัญชีสมุดเงินฝาก ซึ่งธนาคารหลายแห่ง ตอนนี้มีความพร้อมที่จะให้บริการในการลงทะเบียนได้ทันที ส่วนเอกสารเบื้องต้นที่จะประกอบลงทะเบียนคือ สมุดบัญชีเงินฝากที่มีเลขที่เงินฝากที่ใช้งานได้ในปัจจุบัน ประการต่อมาก็คือ บัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ต้องการลงทะเบียน เมื่อครบก็ไปดำเนินการลงทะเบียนได้ด้วยตนเองที่ธนาคารที่ต้องการได้เลย แต่อย่าลืม ต้องเป็นธนาคารที่เราเปิดบัญชีหรือสามารถใช้ช่องทางการลงทะเบียนได้โดยทาง Online ด้วย Internet Banking หรือลงทะเบียนด้วย Mobile Banking ก็ได้ตามความต้องการ
โดยเปิดให้ดำเนินการลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา เป็นต้น ไปที่ธนาคารที่ธนาคาร แต่ละแห่งตามที่เราเปิดบัญชีไว้นั่นเอง บัญชีนั้นเป็นบัญชีประเภทออมทรัพย์หรือกระแสรายวันบัญชีบุคคลธรรมดา บัญชีเดี่ยว
ซึ่งปัจจุบันธนาคารยังเปิดโอกาสให้ลงทะเบียนได้ และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศให้ทราบว่า ระบบ Prompt Pay จะเริ่มใช้เป็นทางการภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป

ค่าธรรมเนียมการโอน
การเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม เนื่องจากการโอนในระบบพร้อมเพย์ จะคิดจากวงเงินที่ทำการโอนแต่ละครั้ง ดังนี้
* การโอนเงินระหว่างบุคคลธรรมดา ไม่เกิน 5,000 บาท ไม่เสียค่าธรรมเนียม
* โอนเงินระหว่าง 5,000-30,000 บาท จ่ายค่าธรรมเนียมไม่เกิน 2 บาท
* โอนเงินระหว่าง 100,000 บาท ขึ้นไปจะจ่ายค่าธรรมเนียมไม่เกิน 10 บาท
ซึ่งคำว่า ไม่น้อยกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารจะกำหนดเก็บเท่าไหร่ แต่ไม่เกินอัตราที่กำหนด ซึ่งเงื่อนไขข้อดีก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ประชาชนได้เลือกใช้บริการกับธนาคารที่กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่ำสุดได้ ขณะเดียวกัน อัตราค่าธรรมเนียมนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับอัตราค่าธรรมเนียมธุรกรรมการเงินด้านอื่นๆ ของธนาคาแต่อย่างใด
การทำธุรกรรมทางการเงินแบบพร้อมเพย์ แบบใหม่นี้ สังคมโดยรวมยังมีความไม่เข้าใจ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย อาจเป็นการล้วงข้อมูล มองว่าภาครัฐจะเข้ามาควบคุมระบบการเงินส่วนบุคคล มากขึ้นนั้นไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรใหม่เลย ทุกอย่างเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากการทำธุรกรรมผ่านหมายเลขของสมุดบัญชีเงินฝากมาเป็นตัวเลขจากบัตรประชาชน หรือหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลเท่านั้น
ส่วนภาครัฐก็จะได้จัดระบบฐานข้อมูลในระบบกลางให้เหมาะสมมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการปรับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศใหม่ให้ทันสมัย เหมาะสมกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัล คือจะทำให้ระบบการชำระเงินของประเทศไทยเราก้าวหน้ามากขึ้น เพื่อจะสร้างประโยชน์ สนองตอบต่อบุคคลต่อสังคมและประกาศโดยรวมได้รวดเร็วมากขึ้น
เป็นการวางรากฐานโครงสร้างทางการเงินใหม่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัล เปิดโอกาสให้สร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจค่อนข้างเติบโตช้า ก็เนื่องจากปัญหาหนึ่งคือ เรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยังไม่เหมาะสม
เราต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีกำลังมาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน นับวันจะมากขึ้นเรื่อๆย การทำกิจการต่างๆ การทำงานทุกเรื่องจะอยู่บนมือถือ Mobile มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเบ็ดเสร็จบนมือถือ ทางภาคการเงินก็มีการพัฒนาระบบธุรกรรมการเงินให้มากขึ้นเพื่อรองรับระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเริ่มปรับโครงสร้างธุรกรรมการเงินมาอยู่บนระบบ Mobile Banking ให้มากขึ้น เพราะในอนาคต ทุกอย่างคงมารวมอยู่บนมือถืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกรรมการเงินต้องเริ่มปรับและพัฒนาโครงสร้าง ซึ่งสถาบันการเงินเป็นตัวหลักพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นเรื่องบริการให้ลูกค้าได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการทำธุรกรรมมากขึ้น ซึ่งจุดนี้ถ้าสถาบันการเงินสร้างความเชื่อมันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นในใจของลูกค้าได้ ย่อมเป็นจุดแข็งที่ได้เปรียบกับคู่แข่งแน่นอน
เพราะประเทศไทยเราปฏิเสธธุรกรรมการเงินดิจิทัลไม่ได้ ปัจจุบันเราใช้ระบบการ์ด (ATM) ในการถอนเงินโอนเงิน ในขณะเดียวกัน เราก็มาใช้ระบบพร้อมเพย์ คือการโอนเงินและถอนเงินแบบใหม่ควบคู่กันไป เพราะประเทศไทยปัจจุบันเหลือคน 2 ประเภทคือ รุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ รุ่นเก่าใช้คนอื่นทำให้ คือการใช้ให้คนอื่นเอาการ์ด (ATM) ไปกดเงิน โอนเงินให้ ส่วนรุ่นใหม่จะทำธุรกรรมการเงินเอง ถอนเงิน โอนเงินด้วยการ์ด ATM และดำเนินการจัดการธุรกรรมบน Mobile ได้ในที่สุด ถ้ารุ่นเก่าหมดไป ก็จะเหลือคนรุ่นใหม่ที่ทำงานผ่าน Mobile และบนอุปกรณ์ดิจิทัลด้วยตนเองได้ทั้งหมด ประเทศไทยก็จะค่อยๆ พัฒนาไปสู่การใช้ชีวิตอีกระดับหนึ่ง
ดังนั้น การปรับโครงสร้างทางการเงินแบบพร้อมเพย์นั้นจึงเป็นก้าวแรกเพื่อรองรับความเจริญทางเทคโนโลยีและการพัฒนาของอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ที่คนทั่วโลกก็ไม่อาจปฏิเสธได้


******





วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

บริหารงานก่อสร้างอย่างไร ไม่ขาดทุน

บริหารงานก่อสร้างอย่างไร ไม่ขาดทุน
            การทำธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กรายใหญ่ ระดับไหนก็ตาม เป้าหมายมีเหมือนกันคือ การทำธุรกิจแล้วต้องมีกำไร ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารของธุรกิจนั้น ๆ เรื่องของกำไรคือ อนาคตของธุรกิจ การดำเนินธุรกิจที่เกิดกำไรต่ำ หรือมีแนวโน้มจะขาดทุน นั้น  ย่อมเป็นสัญญาณ ถึงฐานะของการประกอบการที่ไม่ค่อยมั่นคง นอกจากว่าเป็นนโยบายในการบริหารงานที่เน้นการตลาดที่ยังไม่หวังผลกำไรในระยะช่วงแรกของการ ดำเนินธุรกิจ แต่หวังเข้าสู่ตลาดและแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ก่อน แต่กลยุทธ์การตลาดวิธีนี้จะเหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มีทุนในการดำเนินธุรกิจสูง และเหมาะกับบางประเภทของธุรกิจเท่านั้น แต่สำหรับผู้ประกอบการที่มีเงินหมุนเวียนต่ำอาจจะไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่มีเงินทุนสำรอง ที่จะกันไว้ในช่วงระยะที่ขาดทุนได้  
            แต่ถ้าเป็นการบริหารจัดการของธุรกิจ ประเภทรับเหมาก่อสร้างแล้ว วิธีการดังกล่าวอาจอาจจะไม่เหมาะสม และคงไม่สามารถยอมรับเรื่องเสี่ยงแบบนี้ได้ โดยเฉพาะผู้รับเหมาก่อสร้างที่กำลังเติบโต และพยามยามยืนให้ได้ในธุรกิจงานก่อสร้างด้วยแล้ว  ต้องทำแล้วมีกำไรอย่างเดียวเท่านั้น ถึงจะอยู่รอด
            ดังนั้นการที่ผู้รับเหมางานก่อสร้าง ที่จะสามารถสร้างกำไรให้เกิดขึ้นได้นั้นก็มีแนวทางหลายประการด้วยกัน ส่วนแนวทางพื้นฐานประการแรกที่สำคัญคือ เรื่องต้นทุน  พูดกันง่ายๆ คือถ้ามีต้นทุนต่ำก็ทำให้มีกำไรมากนั้นเอง  ที่เรียกกันว่า บริหารต้นทุนให้เกิดกำไร

            การบริหารต้นทุนที่ทำให้เกิดกำไรมากนั้น  ก็เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนเช่นกัน ไม่ใช่ว่าใครจะทำกันได้ง่าย ๆ เพราะว่าจะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ หลายเรื่อง การประหยัดต้นทุนในการดำเนินงานนั้น เราต้องคำนึงถึงว่าจะต้องมีผลกระทบกับงานอย่างแน่นอน   ลดต้นทุนนั้นมีผลกระทบต่อคุณภาพของงานแน่นอน  ซึ่งข้อนี้ก็เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   เมื่อถึงเวลาที่จะต้องส่งมอบงาน หากงานมีคุณภาพต่ำ เนื่องจากเราใช้วัสดุที่มีราคาต่ำ ย่อมเสี่ยงต่อการไม่ผ่าน เมื่อถึงวันตรวจรับงาน  ของเจ้าของงาน  จะต้องกลับมาแก้ไขงานใหม่   ซึ่งคำว่าแก้ไขงานย่อมมีผลกระทบต่อคำว่ากำไร เพราะค่าใช้จ่ายจะต้องเพิ่มขึ้น   ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นั้นก็ทำให้กำไรที่ควรจะได้ก็จะค่อย ๆ  ลดลง ผลกระทบที่เกิดจากการการลดต้นทุน เป็นเรื่องจะผู้ประกอบการงานก่อสร้างต้องพิจารณา ให้รอบคอบก่อนที่จะดำเนินการ ลดต้นทุน

            ดังนั้น เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง  ผู้ประกอบการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาเป็นพื้นฐานรับมือกับการบริหารงานที่อยู่บน การบริหารงานที่ไม่แน่นอน และมีการแข่งขันกันสูงในปัจจุบัน ได้มองเห็นว่าเราจะสามารถรับมือกับการบริหารงานก่อสร้างให้ผู้ประกอบการให้เกิดกำไร สามารถดำรงธุรกิจได้อย่างราบรื่น แก้ปัญหาในการทำงานได้อย่างไร เราก็ลองมาดูกันว่ามีวิธีการอย่างไรบ้างที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจของตนเองได้มากน้อยหรือให้เหมาะสมได้ อย่างไร

การเลือกลูกค้า
            ประการแรกผู้รับเหมาก่อสร้างควรพิจารณาเลือกลูกค้าหรือผู้ว่าจ้างให้ทำงาน อย่างน้อยก็ควรศึกษาประวัติว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด มีประวัติการจ่ายเงินกับผู้รับเหมาก่อสร้างอย่างไรรวมทั้งมีวิธีการทำงาน หรือการบริหารงานของลูกค้าว่าเป็นอย่างไร   ผู้รับเหมาควรเลือกลูกค้าที่ไม่มีประวัติการสร้างภาระให้ผู้รับเหมามากเกินไป โดยเฉพาะเรื่องติดตามทวงค่าจ้าง ถ้าพบว่ามีวิธีการจ่ายเงินไม่ชัดเจน การบริหารงานไม่โปร่งใสน่าจะเป็นอันตรายต่อการทำงานของผู้รับเหมาก่อสร้าง เช่นกัน
            การศึกษาและการเลือกลูกค้าหรือเจ้าของงานนั้น เป็นกฎเหล็กข้อแรกที่ผู้รับเหมาก่อสร้างจะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะรู้หน้าไม่รู้ใจไม่ควรเชื่อด้วยเหตุผลใด ๆ  ทั้งสิ้น  ต้องเชื่อตามข้อตกลง ด้วยและเงือนไขในสัญญา  ส่วนสัญญานั้นต้องโปร่งใสและรัดกุม มีผลในทางปฏิบัติเท่านั้น  เพราะถ้าลูกค้าไม่จ่าย หรือเบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง กิจการเกิดความเสียหาย กระทบต่อการดำเนินธุรกิจ มาถึงนาทีนี้จะเกิดปัญหาตามมามากมาย  เรื่องนี้ผู้รับเหมาก่อสร้างพึงเน้นปฏิบัติ ไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่ง



ทำใบเสนอราคาต้องมีกำไร
           
หลังจากที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเลือก และมั่นใจในลูกค้าที่จะทำงานแล้ว งานต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องทำใบเสนอราคาค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินในการดำเนินการงานรับเหมาก่อสร้าง  โดยการเสนอราคาค่าก่อสร้างนั้น ต้องบวกกำไรที่ต้องการเอาไว้ด้วย กำไรของผู้รับเหมาจะต้องเป็นตัวเลขที่เหลือหลังจากหักค่าดำเนินการทุกอย่างแล้วเท่านั้น โดยกำไรนั้นต้องไม่น้อยกว่า 10% แล้วควรคำนึงถึงธรรมชาติหรือลักษณะของงานนั้น เป็นฐานในการพิจารณา

การเสนอราคาให้มีกำไร โดยคิด  BOG (รายการวัสดุ และค่าแรงงานในงานก่อสร้าง) ให้ชัดเจนตรงประเด็น เพราะผู้เป็นเจ้าของงานบางรายอาจยังไม่เข้าใจในโครงสร้างของต้นทุน ในการทำต้นทุนงานก่อสร้าง ต้องให้เจ้าของงานอ่านแล้วเข้าใจง่าย จะได้เข้าใจตรงกันว่าผู้รับเหมาก่อสร้างไม่ได้บวกกำไรมากจนเกินไป   เนื่องจากเรื่องต้นทุนนี้ เป็นรายการที่มีความเสี่ยงมากสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยเจ้าของงานอาจคิดว่าผู้รับเหมาจะมีกำลังบวกกำไรมากเกินความเป็นจริง และปกปิดงานอะไรบางอย่างไว้ ซึ่งทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างได้กำไรมาก ๆ  ซึ่งความไม่ไว้วางใจผู้รับเหมาจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ เรื่องนี้ผู้รับเหมาต้องลบความรู้สึกของเจ้าของงานให้ได้
            นอกจากนั้นผู้รับเหมาก่อสร้างจะต้องพยายามเขียน หรือเสนอรายละเอียดในเนื้องานให้เจ้าของงานได้เข้าใจให้มากที่สุดว่าทำไมเจ้าของงาน จึงเลือกจ้างผู้รับเหมารายนี้ เพราะอะไรก็เพราะเรามีความพร้อม มีความชำนาญ มีประสบการณ์ มีผลงานที่มีคุณภาพ  และเหมาะกับราคาที่นำเสนออย่างไร   ไม่ใช่มองแค่เสนอราคาต่ำได้งานมาทำ แต่ทำงานไม่ได้คุณภาพจะทำให้เจ้าของงานและผู้รับเหมาก่อสร้างเสียหายภายหลังได้  การนำเสนอราคาตามความเป็นจริง ให้สามารถยอมรับกันได้  จนได้รับการอนุมัติงานมาดำเนินงานก่อสร้างก่อสร้าง ย่อมเป็นทางออกที่น่าดำเนินการ
            เพราะถ้ารับงานแล้วไม่ชัดเจนในกำไรก็อย่าเสนอราคา และอย่าทำดีกว่า  เพราะไม่คุ้มด้วยประการทั้งปวง   รับงานแล้วต้องมีกำไร ไม่ใช่แค่รับงานมาแล้ว ต้องเสี่ยงต่อการเสมอตัวหรือขาดทุน ซึ่งเทคนิคในการรับงานรับเหมาก่อสร้างให้มีกำไรประการหนึ่งที่อยากแนะนำก็ คือเรื่องเลือกงานที่เรามีจุดแข็ง  งานที่เรามีความถนัดเรามีความเชียวชาญ เช่น เลือกงานที่มีทำเลที่ตั้งที่เรามีต้นทุนต่ำ  ใกล้แหล่งวัตถุดิบ  หน้างานใกล้ไซค์งานเดิมที่ทำอยู่   การคมนาคมสะดวก ไม่ต้องหาเครื่องจักรเพิ่ม  หาใช้วัสดุที่ใช้ทดแทนกันได้  ใกล้แหล่งแรงงานหรือเลือกประเภทงานที่เรามีความรู้หรือชำนาญงานนั้นเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจุดแข็งหรือความละเอียดตรงนี้จะทำให้ผลประกอบการมีกำไรอย่างแน่นอน
ระดมสมอง (Brainstorming)
            หลังจากได้รับการคัดเลือกหรือได้งานดำเนินการแล้ว  ผู้บริหารงานก่อสร้างต้องรีบเรียกประชุมระดมสมอง กับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ใช่คิดวางแผนกันเอง เพียงคนไม่กี่คนของฝ่ายบริหารเท่านั้น  ควรเรียกระดมสมองกัน ตั้งแต่ผู้บริหารสูงสุด ผู้จัดการโครงการ วิศวกร สถาปนิก โฟร์แมน ผู้คุวงานก่อสร้าง ผู้ประเมินราคา  ฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายจัดซื้อและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง   โดยเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นวางแผนงานร่วมกัน โดยเป้าหมาย คือความสำเร็จของงานเป็นตัวตั้ง โดยเฉพาะเรื่องต้นทุน   เรื่องเวลา  วัสดุอุปกรณ์  และคุณภาพของงาน  ว่าทำอย่างไรจะทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด  มีคุณภาพงานที่เหมาะสมผ่านมาตรฐานการตรวจรับ ในวันมอบงาน  วางแผนงานอย่างไรที่งานควนเสร็จก่อนกำหนด  และทันเวลาสามารถควบคุมคุมงบประมาณและต้นทุนได้มากน้อยเพียงใด ตรงจุดไหนบ้างทำอย่างไร เมื่อส่งมอบงานเสร็จแล้ว  การเบิกค่าใช้จ่ายเป็นงวด ๆ ได้  อุปสรรคในการทํางานที่จะทำให้งานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย นั้นมีอะไรบ้าง แล้วจะมีการวางแผนรองรับอุปสรรคอย่างไร  โดยกำหนดแนวทางการทำงานที่เป็นข้อตกลงร่วมกัน ให้เกิดผลในทางปฏิบัติงาน และให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ติดตาม ควบคุมค่าใช้จ่าย
            งานของผู้รับเหมาก่อสร้างในขณะที่ทำงานภาคสนาม ต้องยอมรับว่ามีงานมากหลายขั้นตอน ถ้าลำดับเรื่อง ลำดับงานหรือวางแผนไม่ชัดเจนยอมจะเกิดความสับสน โดยเฉพาะเรื่องของการควบคุมต้นทุนผู้รับเหมาต้องพยายามควบคุมต้นทุน เรื่องค่าใช้จ่ายให้ได้ ต้องทำการบันทึกค่าใช้จ่าย ถ้าไม่ทำการบันทึกและควบคุมให้อยู่ในกรอบที่จำเป็นแล้ว จะต้องมีผลกระทบต่อต้นทุนทำให้บานปลายได้  โดยเฉพาะค่าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง  ค่าแรง ค่าจ่ายงานล่วงหน้า ค่าจ้างผู้รับเหมาช่วง ค่าน้ำมันค่าเชื้อเพลิง ค่าขนส่งและอื่น ๆอีกมากมาย ถ้าไม่ทำการบันทึกและควบคุมให้ดีต้องเกิดความเสียหายมีผลต่อตัวเลขในการประกอบการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
            ในเรื่องนี้ผู้รับเหมาก่อสร้างควรวางกรอบจัดระบบเอกสารเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับเนื้อหาและกิจการของตนเอง โดยเฉพาะในยุคนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการควบคุมต้นทุนและที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือโปรแกรมบิลค์ ที่เรียกว่า Builk Cost Control  โดยโปรแกรมนี้มีให้เลือกใช้กันฟรีโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งความสามารถของซอฟต์แวร์นี้เป็นเรื่องของการควบคุมต้นทุน มีการแจ้งเตือนว่ามีการใช้ต้นทุนเกินงบประมาณที่ได้กำหนดไว้  ในระบบมีการบันทึกค่าใช้จ่ายเป็นวันต่อวันสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งเหมาะสมกับธุรกิจงานก่อสร้างทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่จึงเป็นรูปแบบการทำงานที่ทันสมัย โดยอาศัยเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการทำงานให้คล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น ทั้งยังสามารถตรวจสอบได้ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของงานก่อสร้างได้มากขึ้นทั้งยังทำให้องค์กรมีการพัฒนา สร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจวงการก่อสร้างได้อย่างยั่งยืนด้วย

ไม่ขาดเงินทุนหมุนเวียน
            ประกอบการด้านรับเหมาก่อสร้างจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีเงินทุนสำรอง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการหมุนเวียนในการดำเนินงานไม่น้อยกว่า 30% ของโครงการงานก่อสร้างที่จะดำเนินการ ถ้าไม่มีเงินทุนหมุนเวียนจะอาศัยเงินหมุนเวียน ที่ต้องรอเงินเบิกจ่ายเป็นงวด ๆ นั้นเรื่องเสี่ยงต่อการบริหารงานเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเจ้าของงานจ่ายเงินเป็นงวด ๆ นั้น  ถ้างวดไหนจ่ายช้าไปเพียงวันเดียว ก็อาจจะทำให้งานติดขัดได้ทันที   การปฏิบัติงานก่อสร้างต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นรายวันมีทั้งค่าใช้จ่ายฉุกเฉินและค่าใช้จ่ายประจำที่จำเป็นในขณะทำงาน การขาดเงินอาจทำให้งานชะงักทันที เมื่องานล่าช้าต้นทุนงานก่อสร้างต้องเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันกำไรที่ควรได้ ก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ supplier
             ในวงการก่อสร้าง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เป็นพันธมิตรซัพพลายเออร์นั้นเป็นเรื่องที่ควรทำ ผู้รับเหมางานก่อสร้างต้องมองซัพพลายเออร์ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนที่ช่วยงาน ควบคุมการสร้างธุรกิจรับเหมาซึ่งกันและกันให้เติบโตไปด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้เราจำเป็นจะต้องคำนึงถึงและสร้างขึ้นเป็นอย่างยิ่ง งานก่อสร้างจะมีกำไรได้ต้องลดต้นทุนให้สำเร็จ  พันธมิตรที่ดีจะช่วยให้เราลดต้นทุนได้ โดยเฉพาะซัพพลายเออร์ ประเภทวัสดุก่อสร้าง เขาจะสามารถช่วยเราได้ในเรื่องของราคาวัสดุ ให้มีราคาต่ำได้ ยิ่งถ้าได้ซัพพลายเออร์ที่ดีจะสามารถช่วยเราวางแผนได้ว่าแหล่งวัตถุวัสดุก่อสร้างจากแหล่งไหนจะราคาถูก ร้านไหนส่งวัสดุก่อสร้างให้ตรงและทันเวลา ทำให้หน้างานไม่สะดุด บริการได้รวดเร็วทันใจ ซึ่งถ้ามีพันธมิตร ประเภทนี้แล้วเราจะต้องรักษาความสัมพันธ์ไว้ให้นาน ๆ   สร้างความเคารพ นับถือซึ่งกันและกัน ไม่เอาเปรียบกัน และการจ่ายเงินก็ตรงต่อเวลา การปฏิบัติต่อกันด้วยความโปร่งใส เป็นมิตร ตรงไปตรงมา ถ้าปฏิบัติได้อย่างนี้ความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นต้องดี และยาวนานอย่างแน่นอน เพราะต่างคนต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ในขณะซัพพลายเออร์ก็อยากขายวัสดุก่อสร้าง ส่วนผู้รับเหมาก่อสร้างก็ต้องการใช้วัสดุมาก่อสร้างโดยเป็นไปในลักษณะเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไปสู่ความมั่นคงที่ยั่งยืน




ต้องดูแลคนงาน ดุจญาติมิตร
           
แรงงานก่อสร้างนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากในอันดับต้น ๆ ของงานก่อสร้าง ยิ่งในปัจจุบันแรงงานไทยไม่ค่อยนิยมทำงานก่อสร้าง ผู้รับเหมางานก่อสร้างต้องอาศัยแรงงานจากต่างชาติมากขึ้น แรงงานที่จำเป็นของผู้รับเหมาก่อสร้าง ประกอบด้วยแรงงานไร้ฝีมือกับแรงงานที่มีฝีมือ  แรงงานทุกประเภท นี้ผู้รับเหมาก่อสร้างควรรักษาไว้ให้ดี เพราะมีหลายท่านในวงการก่อสร้างได้พูดถึงแรงงานเหล่านี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า ไม่มีเขา เราแย่   นั่นหมายความว่าถ้าไม่มีแรงงานก่อสร้างแล้วธุรกิจก่อสร้างจะเดินไปได้อย่างไร  การดูแลใส่ใจเรื่องแรงงานก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเป็นพิเศษไม่แพ้เรื่องอื่นเช่นกัน ผู้รับเหมาที่มองอนาคตจะไม่ละเลยพื้นฐานชีวิตของแรงงาน ถ้าเราเลี้ยงเขาให้กินอิ่ม นอนอุ่น จ่ายเงินตรงตามเวลา มีสวัสดิการความไม่อยู่ที่เหมาะสมแก่ฐานะ แน่นอนแรงงานย่อมอยู่กับเราจนจบโครงการ
           
หากผู้รับเหมาก่อสร้างทำได้อย่างนี้ รับรองว่าจะไม่มีวันขาดแคลนแรงงานอย่างแน่นอนไม่ต้องเหนื่อยกับการหาแรงงานมาเพิ่มอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าเงินดีสวัสดิการดี แรงงานก็จะติดต่อกันมาทำงานให้เราโดยไม่ต้องเหนื่อย เพราะผู้รับเหมารายนี้น่าเชื่อถือ แต่ถ้าผู้รับเหมาจ่ายเงินค่าจ้างไม่ตรงเวลา เลื่อนไปมาบ่อย ๆ สวัสดิการก็ไม่มีหรือมีก็น้อย  การดูแลอันตรายก็ไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยก็ไม่ค่อยจะสมบูรณ์ ผู้ใช้แรงงานงานก็ต้องกิน ต้องใช้ เช่นกัน ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ผู้รับเหมาต้องเตรียมตัวหาแรงงานใหม่มาเพิ่มอยู่ตลอด เวลาเพราะ เงินเดือนออก ฉันต้องออก 
           
 เรื่องแนวทางการบริหารจัดการงานทั้งหมดที่ได้นำเสนอนี้ เป็นเกร็ดแนวทางเพียงบางส่วนเท่านั้นในการบริหารงานจัดการของงานก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพ บางท่านอาจจะทราบอยู่แล้วแต่อาจจะละเลยหรือลืมไปว่าในเรื่องดังกล่าว จึงได้นำมาเสนอทบทวนความจำกันอีกครั้ง  ถ้ามองในมุมที่เกิดประโยชน์ และมองด้วยเหตุผล ตามแนวทางนี้ว่าน่าจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย ต่อผู้ประกอบการในงานก่อสร้างเนื่องจากเป็นเรื่องพื้นฐานง่าย ๆ ที่ผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องใช้ทักษะและเทคนิคพิเศษอะไร สามารถดำเนินการได้เลย เพียงแต่ใช้จิตสำนึกที่เป็นธรรมและเติมความใส่ใจ ความตั้งใจเข้าไปเท่านั้น ก็น่าจะทำให้ผลประกอบการที่ดีอยู่แล้ว มีความเข้มแข็งมากขึ้นตามลำดับ และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างมั่นใจ ทั้งยังสามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมธุรกิจเดียวกันและสังคมโลกผ่านพ้นอุปสรรค  ปัญหางานก่อสร้างก็จะลดลง มุ่งไปสู่การพัฒนาวงการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพ  ชื่อเสียงขององค์กรได้รับการยอมรับจากสังคม และเป็นตัวอย่างที่ดีในความรับผิดชอบต่อสังคมและการบริหารงานที่เป็นธรรมาภิบาลตลอดไป

-------------------------------------------------------------------------------------------------