CPanel” เผยตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง
และบน ยังขยายตัว
ผู้ประกอบการผุดโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง
เน้นใช้ผนังสำเร็จรูปก่อสร้าง
ลดต้นทุน บริหารความเสี่ยง เดินหน้าเจาะลูกค้ารับเหมาก่อสร้าง
และงานภาครัฐ ดันเออร์เดอร์ขยายตัว โชว์ Backlog 320
ล้านบาท
นายชาคริต
ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel)
ปัจจุบันภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางและระดับบน
มีสัญญาณที่ดี จากการที่ภาครัฐมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ
และมีการขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจคต่าง ๆ ส่งผลให้มีการลงทุนใน โครงการใหม่ ๆ มากขึ้น
ขณะที่ตลาดผนังสำเร็จรูปปีนี้สามารถขยายตัวได้
ปัจจัยนี้เกิดขึ้นจากผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
รายใหญ่มีแผนที่จะออกโครงการอย่างต่อเนื่อง
และมีแนวโน้มที่จะใช้ผนังสำเร็จรูปแทนการก่อสร้างในรูปแบบเดิม ทั้งนี้โครงการต่าง ๆ ต่างก็มีความต้องการใช้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปมาใช้ในงานก่อสร้างแทนวัสดุอื่น
ๆ ที่เคยใช้
เนื่องจากเป็นวัสดุที่ใช้งานง่าย
มีความแข็งแรง ทนทาน ลดต้นทุนแรงงาน
ตอบโจทย์ การบริหารจัดการ
ระยะเวลาการทำงาน และช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
ของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี
จากความต้องการดังกล่าวทำให้เชื่อว่า
เมื่อภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เข้าสู่ภาวะปรกติ ความต้องการใช้งานของผนังคอนกรีต สำเร็จรูป
จะปรับตัวสูงขึ้น อย่างแน่นอน
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดในปีนี้
CPanel ยังคงต้องรักษาฐานลูกค้าเดิม
และเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์ กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยจะเน้นที่กลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง
และขณะเดียวกันก็ยังมีความสนใจจะขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนโครงการก่อสร้าง ต่าง ๆ ของภาครัฐ
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอสัญญาจากโครงการของภาครัฐอยู่ 3 ราย
ส่วนทางด้านผู้รับเหมาอยู่ระหว่างการพิจารณา โครงการคอนโดมิเนียม อีก 4
ราย
นอกจากนั้นก็อยู่ในระหว่างการเจรจา กับผู้รับเหมาจากประเทศมาเลเชีย
อีก 2 ราย
ส่วนผู้รับเหมาทั้งใน และต่างประเทศต่างก็หันมาให้ความสนใจในเทคโนโลยี่การก่อสร้างเป็นจำนวนมากขึ้น อาจจะมาจากสาเหตุจากความต้องการลดจำนวนแรงงานที่อยู่หน้าไซต์งาน และการส่งมอบงานที่ต้องรวดเร็วขึ้น จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง
หันมาใช้งานผลิตภัณฑ์ ผนังสำเร็จรูปกันเป็นจำนวนมาก
คุณนายชาคริต ทีปกรสุขเกษม
ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog)
320 ล้านบาท
และจะทยอยรับรู้รายได้ จนถึงปี 2561
ขณะที่กำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัท ปัจจุบัน อยู่ที่
60 - 65 % และได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของปีนี้อยู่ที่
30 % หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 370
ล้านบาท
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น