วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

JCB จับมือ DKSH บุกตลาดก่อสร้างไทย

                        
 JCB จับมือ DKSH บุกตลาดก่อสร้างไทย

            2 3 ปีที่ผ่านมาทิศทางของการก่อสร้างในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในสายตาของผู้ประกอบการต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศทางแถบยุโรปโดยมองว่าภูมิภาคแถบนี้เริ่มมีการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับสาธารณูปโภคต่าง ๆ มากขึ้นหลายมิติ การก่อสร้างทุกระบบขยายตัวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเครื่องก่อสร้างที่มีเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับงาน ทั้งงานพื้นฐานและงานที่ต้องใช้เทคนิคระดับสูง ปัจจุบันเริ่มความสนใจในประเทศในแถบภูมิภาคนี้  ผู้ประกอบทุกมุมโลก เริ่มมองว่าถ้า ขยายการลงทุนมาอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น่าจะมีอนาคต



คุณ ทอม คอร์เนล  Mr.Tom Cornel
            ประเทศไทย ก็เป็นประเทศที่ผู้ประกอบการ มองว่าน่าจะเป็นศูนย์กลาง ในฐานก็ขยายธุรกิจก่อสร้างได้ ดี รวมทั้งทั้งผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรกลในการก่อสร้าง ต่างก็สนใจที่จะขยายตลาดโดยเฉพาะ ปัจจุบันในประเทศไทยเอง ก็มีการก่อสร้าง Mega Project หลายโครงการ ทั้งการก่อสร้างขนาดเล็กและขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นอย่างมากมาย ที่เป็นไปตามนโยบายของทางภาครัฐ ในขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา  พม่าประเทศ ลาว  ประเทศมาเลเซีย และหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ก็เริ่มที่จะมีการพัฒนาทางด้านการก่อสร้าง อยู่ในแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศของตนเองทั้งสิ้น ดังนั้นบริษัทต่างๆไม่ว่าจะเป็นในแถบทวีปยุโรปก็ดี บริษัทต่าง ๆที่อยู่ในแถบเอเชีย ต่างก็มองเห็นว่าการทำตลาดทางด้านการก่อสร้างในแถบภูมิภาคนี้ย่อมมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน



คุณ ทอม คอร์เนล  Mr.Tom Cornel


เมื่อไม่นานมานี้บริษัท JCB ผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างรายใหญ่ จากประเทศอังกฤษ ได้ขยายธุรกิจการก่อสร้างมาตั้งฐานมั่นอยู่ในประเทศไทยและได้ร่วมมือกับบริษัท DKSH โดยตกลงกันเป็นพันธมิตรกันเข้ามาทำตลาดก่อสร้างในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
            คุณทอม คอร์เนล (
Mr.Tom Cornel)  กรรมการผู้จัดการ ภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Managing Director)  ของบริษัท เจซีบี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้  สาขาประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือ กับ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องจักรก่อสร้าง ในประเทศไทย และได้เตรียมความพร้อมเพื่อทำตลาดประเภท เครื่องจักรกลก่อสร้างในประเทศไทยอย่างเต็มศักยภาพ  และได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวเดินตลาดก่อสร้าง โดยมีคุณ จารึก มีขันทอง รองประธานอำนวยการ หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี ประเทศไทยและ คุณ อุดมศักดิ์ หงส์ทองผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป สายธุรกิจเครื่องมือสำหรับงานโครงสร้างพื้นฐาน หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี  ซึ่งเป็นตัวแทนของ DKSH  ได้ร่วมกันเปิดเผยถึงความร่วมมือ และแนวทางการทำตลาด และบริการเครื่องจักรกลก่อสร้าง โดยเฉพาะ รถขุด รถตัก  และบริการหลังการขายในงานก่อสร้าง




คุณทอม คอร์เนล (Mr.Tom Cornel) จาก JCB ได้กล่าวอย่างน่าสนใจว่า  
            JCB  ได้เข้ามาทำการตลาดในประเทศแถบเอเชีย และมีเป้าหมายอยู่ที่ประเทศไทย JCB เป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นเครื่องจักรกลขนาดเล็ก และเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ และอื่น ๆ อีกมากมาย เราได้เข้ามาร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท DKSH ให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องจักรให้กับเรา ซึ่ง DKSH ได้ทำธุรกิจประเภทนี้ในแถบประเทศเอเชียมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะประเทศไทยจะมีความคุ้นเคยเป็นอย่างมาก  ผลิตภัณฑ์ของ JCB  มีมานำเสนอในตลาดเมืองไทย มีอย่างครบถ้วน มี เครื่องจักรก่อสร้างทุกชนิด ที่สามารถรองรับ กลับการทำการตลาด และอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ ผมมีความดีใจ มีความภูมิใจมากที่มาได้ร่วมมือกับบริษัท DKSH  ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาเรามีการขายที่ดีเยี่ยม มียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลก่อสร้างมากกว่า 150 เครื่อง  แล้ว



กลยุทธ์ทางการตลาดที่จะนำมาใช้ทำตลาดก่อสร้างในประเทศไทยมีอะไรบ้าง
            คุณจารึก คุณ จารึก มีขันทอง   รองประธานอำนวยการหน่วยธุรกิจเทคโนโลยี ประเทศไทย
บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด หรือ
 DKSH ได้กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดของเรา ที่ร่วมมือกับทาง JCB นั้นเราจะเน้นเครื่องจักรกลก่อสร้างที่ใช้งานง่าย และเป็นเครื่องจักรอเนกประสงค์ ประการต่อมาก็คือเป็นเรื่องของการบริการลูกค้าที่รวดเร็ว   นอกจากนั้นก็มีการบริการลูกค้าล่วงหน้า
            เครื่องจักรก่อสร้างที่นำเข้ามาจะมีความโดดเด่น ในเรื่องของเราจะติด ระบบเชื่อมโครงข่าย ที่เรียกว่า
Life Link จะมีระบบติดตาม GPS ทุกเครื่อง ซึ่งตัวนี้จะเป็นสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งที่จะเชื่อมโยงระหว่างตัวบริษัทผู้จัดจำหน่ายเอง กับช่างซ่อมบำรุง ทั้งเจ้าของ และผู้ใช้งาน เข้าด้วยกัน
 ด้วยระบบระบบดิจิตอล  ทำผู้จำหน่ายหรือฝ่ายบริการ ทราบได้ทันที หรือทราบล่วงหน้าได้ว่าเครื่องจักรแต่ละตัว ขณะใช้งานมีสถานะเป็นอย่างไร  ทำงานไปแล้วกี่ชั่วโมง ระดับความร้อนขึ้นเท่าไหร่ และอีกนานแค่ไหน จะเวลาเท่าไหร่ที่ทางช่างจะต้องเข้าไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ให้กับเครื่องจักรนั้น   ซึ่งเป็นการบริการที่ไม่ต้องให้ลูกค้าโทรมาหาเรา แต่เราจะรู้ และก็ไปหา และบริการลูกค้าเอง  นี้คือจุดเด่นของเรา ที่ทางศูนย์จะทำการเช็คให้กับลูกค้าตลอดเวลา และถ้าเกิดอาจเกิดเหตุขัดข้อง  ที่ไม่ปกติ อาจเกิดความเสียหายในตัวเครื่องจักร ระบบก็จะส่งสัญญาณมาถึงทางช่าง หรือมาถึงสำนักงานผู้จัดจำหน่ายได้ทันที โดยจะปรากฏขึ้นที่หน้าจอคอมพิวเตอร์  หรือหน้าจอของ Smartphone เลย และความเคลื่อนไหวนี้ บริษัทแม่ที่อังกฤษ ก็จะทราบด้วย ระบบนี้เป็นระบบที่จำลองมาจากโรงงานที่อังกฤษเลย ดังนั้นรับรองว่าผู้ใช้งาน ในบริการของเราต้องมั่นใจแน่นอน เพราะมีผู้ช่วยดูแลเครื่องจักรทั้งสองด้านเลย ทั้งผู้ผลิตเอง และผู้แทนจัดจำหน่ายด้วย
            โดยเฉพาะ ถ้าในขณะทำงานเครื่องจักร เกิดมี Error หรือมีปัญหา ระบบก็จะส่งข้อมูลทันที  ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย  รวมทั้งผู้รับเหมา ก็จะทราบทันที และช่างบริการที่อยู่ใกล้ที่สุด ก็จะเข้าไปบริการทันที นับว่าเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ประกอบการทำงานมีความสะดวกสบายมากขึ้น เพราะว่ามีผู้ให้บริการคอยตรวจสอบเครื่องจักร ให้ได้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา และอย่างต่อเนื่อง   เท่านั้นยังไม่พอระบบนี้จะตรวจสอบล่วงหน้าได้ด้วยว่าเครื่องจักรกำลังมีปัญหาในอีกกี่ชั่วโมง  ก่อนที่ผู้ใช้งานจะรู้ด้วยซ้ำ 


             นอกจากนั้นเครื่องจักรก่อสร้างของบริษัท ก็ยังมีระบบติดตามตัว เราจะทราบได้ทันทีว่าเครื่องจักรเครื่องนั้น ใช้งานอยู่ในบริเวณพื้นที่ใด  เมื่อลูกค้ามีปัญหา ลูกค้าโทรมาแจ้ง ทีมช่างก็ทราบพิกัดทันทีและสามารถทราบได้ทันทีว่าเราจะไปถึงลูกค้าได้ภายในกี่นาที   นอกจากนั้นทางผู้จัดจำหน่าย เปิดบริการให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง เรามีศูนย์
Call Center เป็นศูนย์กลางรอรับบริการ ลูกค้าที่ใช้เครื่องจักร ที่มีปัญหาสามารถติดต่อ และแจ้งข้อมูลได้ตลอดเวลา
            คุณทอม คอร์เนล (Mr.Tom Cornel)   ได้กล่าวเพิ่มว่า สำหรับระบบ Line Link นั้นจะโชว์ขึ้นที่ทางคอมพิวเตอร์และก็ Smartphone  จะเป็นระบบ Real Time โชว์ขึ้นบนหน้าจอเลยว่ามีเครื่องจักรแต่ละเครื่องทำงานอยู่จุดไหนบ้าง โดยใช้ในจะโชว์หมายเลขเครื่องจักร และชื่อลูกค้าขึ้นมาเลยว่ามีใครบ้างที่กำลังใช้งานอยู่ในพื้นที่ใด  ซึ่งโปรแกรมตัวนี้ทางศูนย์บริการก็จะมีให้บริการลูกค้า และลูกค้าก็สามารถที่จะนำไปปรับและประยุกต์ใช้ในงานก่อสร้างของตนเองได้   การประยุกต์ใช้ โดยเลือกสร้างเครือข่ายกรอบใช้งานของเขาเองได้
            ผู้รับเหมาเองสามารถนำโปรแกรมตัวนี้มาสร้างขอบเขตการทำงานของเครื่องจักรและขอบเขตการทำงานของตัวเองได้  เช่น ขอบข่ายงานก่อสร้างของผู้รับเหมาอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ถ้ามีการเคลื่อนย้าย เครื่องจักรออกจากเขตจังหวัด  เราก็จะทราบได้ทันที ซึ่งบางครั้งผู้เช่าเครื่องจักรแอบนำเครื่องจักรไปใช้งานนอกพื้นที่ เราก็จะทราบได้ทันที เช่นกัน

มองตลาดเครื่องจักรก่อสร้างในประเทศไทย อย่างไร
            ตลาดก่อสร้างในประเทศไทยนั้น เรามองว่าประเทศไทยตอนนี้มีการขยายฐานก่อสร้างเกิดขึ้นหลายโครงการ  ขณะเดียวกันเราก็มองว่า แนวคิดของผู้รับเหมาก่อสร้าง เปลี่ยนไปจากในอดีตมาก เดิมผู้รับเหมาก่อสร้างจะดูแลซ่อมแซมเครื่องจักรด้วยตัวเอง  มาถึงยุคนี้ การซ่อมเครื่องจักร เริ่มไม่นิยม จะนิยมใช้บริการ จากผู้ให้บริการซ่อมแซมโดยตรง   จากจุดนี้จึงเป็นช่องว่างที่จะทำให้เราเข้าไปบริการที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง  หมายความว่าผู้รับเหมาก่อสร้างใช้เครื่องจักรก่อสร้างอย่างเดียว ไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมแซมใด ๆ  ทั้งสิ้น  ทางจัดจำหน่าย หรือทาง DKSH เราจะเป็นผู้ให้บริการเอง หมายความว่า ผู้รับเหมาจะมีความสะดวก สบายมากขึ้น คล่องตัวในการทำงานมากขึ้น  ซึ่งตรงกับคำว่าประเทศไทย 4.0  ที่นำระบบดิจิตอลจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในวงการก่อสร้าง 
            เท่านั้นยังไม่พอระบบนี้ ยังสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเครื่องจักรได้ทุกสถานที่บนมือถือ  นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่เตรียมความพร้อมสำหรับวงการก่อสร้าง  ที่ผมคิดว่าเป็นระบบที่ทันสมัยที่สุดของยุคนี้ก็ว่าได้ ลักษณะของการบริการล่วงหน้านี้ก็จะเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกได้ดีมาก ยกตัวอย่างเช่น ผู้รับเหมาก่อสร้าง เมื่อทำการก่อสร้างเสร็จที่ไซต์งานหนึ่งแล้ว  ก็จะต้องเคลื่อนย้ายเครื่องจักรไปยังสถานที่ก่อสร้างแห่งใหม่  เราจะทราบทันทีจาก
Life Link ว่าได้ย้ายไปยังจุดใด   ทางผู้ให้การบริการจะทราบได้ทันที โดยระบบอัตโนมัติ แล้วเราจะเตรียมความพร้อมการให้บริการ โดยช่างและทีมงานก็เตรียมรองรับไว้เรียบร้อย นับว่าเป็นวิธีการบริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง


ทาง  JCB นะปัจจุบันมีเครื่องจักรกลก่อสร้างที่โดดเด่น และกำลังได้รับความนิยม ที่จะมานำเสนอให้แก่ผู้รับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย
            สรุปผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในไทย ยอดจำหน่ายของเรา รถขุดแบบตักหน้าขุดหลัง มี 55 เปอร์เซ็นต์  รถขุดแบบเล็กที่เรียกว่าMini มี 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 16 เปอร์เซ็นต์ เป็นรถตัก ถ้าถามว่ามีผลิตภัณฑ์อะไรที่โดดเด่น ผมก็อยากตอบว่า JCB  เรามีทุกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่เหมาะกับการทำงานแต่ละท้องถิ่น  แต่ถ้าเป็นตลาดก่อสร้างในประเทศไทยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น  และเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราภาคภูมิใจก็ เป็นรถ ก่อสร้าง ที่เรียกกันว่า รถตักหน้า ขุดหลัง  ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า Black Corode Coronar




            ผมมองว่าตลาดก่อสร้างในเมืองไทยกำลังจะเปลี่ยนไป การใช้เครื่องจักรก่อสร้างจะเปลี่ยนจากใช้นอกเมืองมาเป็นการใช้ในเมืองมากขึ้น การก่อสร้างในเมืองจะต้องเป็นรถเครื่องจักรที่ขนาดเล็ก มีความ คล่องตัวสูง ไม่ใหญ่มาก รถประเภทตักหน้า ขุดหลัง จะน่าจะตอบโจทย์การทำงานประเภทนี้ได้ดี
            นอกจากนั้นผมยังมองว่า  การก่อสร้างในเมืองไทยในอนาคต จะต้องนิยมรถก่อสร้างขนาดเล็กที่เป็นอเนกประสงค์ คือเป็นรถประเภทที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย   และเราก็จะสร้างจัดแข็ง ให้ความสำคัญในเรื่องของการให้บริการกับลูกค้า ทั้งหลังการขาย และการให้บริการล่วงหน้า สิ่งที่โดดเด่นของเราอีกอย่างคือคลังอะไหล่ที่พร้อมให้บริการ   ประการต่อมาเรายังเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าก่อสร้างในเมืองไทยว่าผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอนั้น ต้องได้ได้สัมผัสก่อน  จึงจะเกิดความมั่นใจและตัดสินใจว่าผลิตภัณฑ์เครื่องนี้เหมาะสมกับเขาหรือไม่ และทาง JCB ก็พยายามสนองตอบ ตามความต้องการนี้ 
            คุณทอม ยังเล่าต่ออีกว่า เครื่องจักรในการก่อสร้างในตลาดของไทยนอ  นอกจากจะเล็กคล่องตัว ใช้ทำงานในเมืองได้ดี แล้วยังสามารถที่จะต่อพ่วงได้หรือภาษาไทยเราเรียกว่า บุ๊งกี๋ ที่จะทำให้เครื่องนั้นมีความเป็นเอนกประสงค์มากขึ้น   ผู้ประกอบการก่อสร้างในประเทศไทยที่จะซื้อเครื่องจักรก่อสร้าง นั้นจะต้องทำให้เขาคืนทุนเร็ว  เครื่องจักรที่ซื้อมาต้องเป็นอเนกประสงค์ ประยุกต์ใช้งานได้ดี  นี้คือกลยุทธ์หรือแนวทางการตลาดที่ทาง JBC จะเจาะตลาดในประเทศไทย นอกจากนั้น เราก็จะมีการให้บริการที่ดี เร็ว ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องเป็นที่ปรึกษาในทุกเรื่องเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ที่เราจำหน่ายให้กับลูกค้า และคอยเป็นเพื่อนคอยให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาให้เขา รวมทั้งทำให้เขาเข้าใจว่าเรา เป็นหุ้นส่วนธุรกิจด้วยกันเพื่อสร้างความไว้วางใจ ไม่ใช่ลักษณะของการเป็นแค่ลูกค้ากับผู้จำหน่าย เหมือนกับการทำตลาดในอดีต

  คุณ จารึก มีขันทอง รองประธานอำนวยการหน่วยธุรกิจเทคโนโลยี ประเทศไทย
บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเพิ่มเติว่า 

1.เรื่องไทยแลนด์ 4.0 ของทางนโยบายภาครัฐมีผลต่อการทำธุรกิจเครื่องจักรหนักอย่างไรบ้าง
ตอบ      อุตสาหกรรมเครื่องจักรหนักทั้งทางด้านผู้ใช้และผู้ผลิตเองต่างก็ต้องมุ่งพัฒนาไปยังทิศทางในการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น และประเทศไทยเองก็จะปรับตัวพัฒนาไปในทางนี้อย่างแน่นอนเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพมีคุณภาพ ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น เช่น การพัฒนาระบบ LIVELINK ของ เจซีบี ซึ่งมีติดตั้งภายในเครื่องจักรของ เจซีบี นั้นมีความสามารถในการตรวจวัดชั่วโมง เวลาการทำงาน ตรวจสอบจุดเสียพร้อมแจ้งซ่อมไปยังผู้ผลิต แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาการทำ Preventive maintenance แจ้งเตือนเมื่อเครื่องจักรถูกนำออกจากพื้นที่ปฎิบัติงาน และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งหมดนี้สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆด้วย โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์

2.อีก 5 ปีจากนี้อุตสาหกรรมเครื่องจักรหนักของไทยจะไปในทิศทางไหน ทิศทางเครื่องจักรจะมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง

ตอบ      ด้วยนโยบายของรัฐที่มีการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาชุมชนในแง่ต่างๆ ทั้งโครงการที่มีขนาดใหญ่และขนาดเล็กก็มีให้เห็นกันเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่ยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลให้ความสนใจ และตั้งใจในการพัฒนาและลงทุนด้านนี้อย่างแท้จริง ทางฝั่งเอกชนเองก็เติบโตมากขึ้นไปในแนวโน้มเดียวกัน ทาง ดีเคเอสเอช มองเห็นในจุดนี้และมั่นใจว่าเทคโนโลยีของเราสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ได้อย่างแน่นอน เราจึงตั้งเป้าว่าจะสามารถมีส่วนแบ่งตลาดอุตสาหกรรมนี้ 10% ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น