ในกรณีนี้บางบริษัทบอกว่าถ้าไม่ต้องจ่ายสินเชื่อแทนการบอกเลิกจ้างจะต้องดำเนินการอย่างไรในกรณีนี้สมมุติว่าทางบริษัทบอกกล่าวเลิกจ้างต่อลูกจ้างในวันที่ 2 ตุลาคมเรื่องนี้ทางเลือกที่ 1 คือต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนก็ให้ลูกจ้างออกจากงานเลยในกรณีต่อมาก็ต้องปล่อยให้ลูกจ้างทำงานไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนแล้วจึงให้เขาพ้นสภาพการเป็นพนักงานในกรณีนี้ก็จะไม่มีการจ่ายเงินสินไหมค่าชดเชยในการบอกเลิกจ้างได้ในกรณีอย่างนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่ถูกต้อง
ประมาณรมฯพูดถึงกรณีความผิดร้ายแรงตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานซึ่งอยู่ในมาตรา 119 ที่มีการปรับปรุงแก้ไขเมื่อปีพศ 2551 และกำหนดไว้ว่ากรณีที่ลูกจ้างทำความผิดในกรณีใดที่เรียกว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรงโดยนายจ้างสามารถบอกเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าในการเลิกจ้างกับลูกจ้างและไม่ต้องจ่ายเงินค่าชดเชยเรื่องนี้ตามกฎหมายได้เขียนไว้ว่าในมาตรา 119 กรณีที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างด้วยเหตุดังต่อไปนี้ ข้อที่ 1 ทุจริตต่อหน้าที่หรือลูกจ้างกระทำความผิดอาญาข้อที่ 2 จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายข้อ 3 ลูกจ้างประมาทเลินเล่อเป็นเหตุทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงซึ่งข้อนี้จะมีความแตกต่างจากข้อ 2 ก็คือเพิ่มคำว่านายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง คดี 4 ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมและนายจ้างได้เคยตักเตือนโดยทำเป็นหนังสือเว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็นจะต้องตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรหนังสือเตือนจะมีผลไม่เกิน 1 ปีในวันที่ลูกจ้างกระทำความผิดข้อที่ 5 ลูกจ้างละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันในวันทำงานที่ติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรคลอง 6 ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก negroni ที่มีโทษจำคุกนี้ให้เขียนไว้ว่าเป็นความผิดที่เป็นความผิดโดยประมาทหรือเป็นความผิดลหุโทษที่เป็นเหตุทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายจึงจะเข้าองค์ประกอบตามกฎหมายข้อนี้และประการสำคัญในกรณีที่มีการเลิกจ้างโดยไม่มีการจ่ายเงินค่าชดเชยตามเหตุผลดังกล่าวข้างต้นนี้ถ้านายจ้างไม่เป็นการระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่ต้องมีการเลิกจ้างไว้อย่างชัดเจนในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างหรือไม่แจ้งเหตุที่เลิกจ้างตอนที่จะเลิกจ้างนายจ้างจะยกเอาเหตุนั้นมาอ้างไม่ได้ ละมุนดูคำอธิบายข้อที่ 1 เรื่องการทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดโดยเจตนาแก่นายจ้างการทุจริตต่อหน้าที่มีความผิดที่ชัดเจนในกรณีที่ลูกจ้างทำหน้าที่ในหน้าที่ในกรณีที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อนายจ้างนี่คือคำจำกัดความของคำว่าทุจริตต่อหน้าที่ข้อที่ 2 เป็นการกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาที่จะทำให้มันเกิดความเสียหายแก่นายจ้างส่วนคำว่านายจ้างหมายถึงใครบ้างนั้นไม่ใช่จำกัดเฉพาะคำว่าเจ้าของกิจการเท่านั้นลืมกรรมการผู้จัดการแต่ถ้าเกิดเป็นผู้จัดการฝ่ายขายที่มีการนัดมอบหมายมีการประชุมชี้แจงข้อปฏิบัติทางด้านการขายต่อพนักงานและในระหว่างที่ผู้จัดการฝ่ายขายกำลังบรรยายแนะนำหรือให้คำชี้แจงอยู่ในขณะนั้นปรากฏว่ามีพนักงานฝ่ายขายคนหนึ่งลุกขึ้นมาโต้เถียงว่าแนวทางดังกล่าวไม่สามารถที่ทำให้เกิดการขายได้รัตนะผู้จัดการฝ่ายขายก็ได้อธิบายให้เหตุผลพนักงานขายดังกล่าวเกิดความไม่พอใจเดินเข้ามาทำร้ายร่างกายผู้จัดการฝ่ายขายในกรณีนี้ถือว่าพนักงานฝ่ายขายคนนั้นทำความผิดอาญาในกรณีนี้ผู้จัดการฝ่ายขายได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนนายจ้าง ข้อที่ 2 ลูกจ้างกระทำการจงใจเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายในข้อนี้พูดถึงเฉพาะความเสียหายยกตัวอย่างผู้จัดการฝ่ายผลิตกำลังชี้แจงกับพนักงานที่อยู่ในไลน์ผลิตในขณะเดียวกันก็มีการตักเตือนและอบรมพนักงานพนักงานคนนั้นเกิดความไม่พอใจได้จับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทนั้นยกขึ้นแล้วฟาดลงไปบนโต๊ะทำให้โทรศัพท์เครื่องนั้นได้รับความเสียหายแตกกระจายในกรณีนี้ลูกจ้างจงใจทำให้ทรัพย์สินของบริษัทเกิดความเสียหายทำให้นายจ้างเกิดความเสียหายในกรณีนี้เรียกว่าการจงใจกรณีต่อมาเป็นการที่ลูกจ้างกระทำความผิดที่เป็นการประมาทเลินเล่อซึ่งเป็นเหตุทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงการประมาทเลินเล่อคืออะไรการประมาณเริ่มหมายถึงการกระทำที่ไม่จงใจแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการประมาทเลินเล่อนี้ในกรณีนี้ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงร้ายแรงคืออะไรคำว่าร้ายแรงช่วงนี้ไม่ได้ไม่จำเป็นจะต้องคำนึงถึงมูลค่ามากหรือน้อยบางครั้งความเสียหายถึง 1 ล้านบาทก็ไม่เข้ากระหรี่ที่เสียหายอย่างร้ายแรงเสมอไปแต่มันขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลที่จะชี้มูลว่าความเสียหายนั้นเมื่อเทียบกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกิจการของนายจ้างนั้นโดยเป็นเหตุทำให้นายจ้างนั้นเสียหายหรือได้รับผลกระทบหรือไม่เพียงใดความเสียหายนั้นไม่ได้หมายถึงเพียงมูลค่าของตัวเงินเพียงอย่างเดียวแปลงมีความหมายถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นด้วยน่าจะเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียงความน่าเชื่อถือภาพลักษณ์ขององค์กรซึ่งในกรณีเรื่องพรุ่งนี้นายจ้างอาจจะโลกเปลี่ยนเหตุผลว่าได้รับความเสียหายได้เช่นกัน ในกรณีนี้ต้องเป็นคำสั่งของนายจ้างที่ชอบด้วยกฎหมายแต่ถ้าเป็นคำสั่งของนายจ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้มีการตักเตือนลูกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วก็ตามก็ไม่สามารถมีผลบังคับตามกฎหมายได้เช่นกันแม้นายจ้างจะตักเตือนลูกจ้างแล้วเป็นเอกสารก็ตามการทำเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายที่แจ้งเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วก็มีผลในทางกฎหมายในระยะเวลา 1 ปีแต่ถ้าพนักงานฝ่าฝืนหรือกระทำซ้ำก็จะมีผลในการเลิกจ้างตามกฎหมายทันที ยกตัวอย่างกรณีที่พนักงานฝ่ายขายมักจะไม่สวมเครื่องแบบตามระเบียบของพนักงานฝ่ายขายไม่ค่อยชอบใส่แบบฟอร์มที่บริษัทกำหนดให้กรณีนี้มีการฝ่าฝืนเป็นประจำนั่งจ้างก็ทำการตักเตือนด้วยวาจาบ่อยๆครั้งก็ทำการตักเตือนโดยทำเป็นหนังสือขึ้นต่อมาลูกจ้างก็ยังทำการฝากพื้นเช่นเดิมเนื้อย่างตักเตือนด้วยหนังสือในเหตุผลที่พนักงานไม่ยอมส่งเครื่องแบบในขณะที่กำลังทำงานเมียนายจ้างจัดทำหนังสือตักเตือนครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 แล้วก็ตามในกรณีนี้นายจ้างสามารถที่จะบอกเลิกจ้างได้ทันทีหรือว่าคำสั่งนั้นมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายซึ่งเป็นคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมต่อนายจ้างในขณะเดียวกันนายจ้างที่จะออกคำสั่งคำเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นต้องระบุวันที่กระทำความผิดพฤติกรรมหรือพฤติการณ์ที่กระทำความผิดและกำหนดได้ว่าข้อบังคับนั้นผิดระเบียบข้อใดบ้างและประการสำคัญต้องมีเนื้อความที่เขียนว่าถ้าลูกจ้างกระทำความผิดซ้ำอีกนายจ้างจะลงโทษขั้นรุนแรงด้วยการเลิกจ้างโดยไม่มีการจ่ายค่าชดเชยเนื้อหาเหล่านี้เพื่อจะทำให้ครบองค์ประกอบของใบเตือน ประการต่อมาการละเว้นหน้าที่เกินกว่า 3 วันทำงานไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่อย่างไรยกตัวอย่างเช่นต้องหยุดที่ครบองค์ประกอบ 3 วันทำการนั้นถ้าลูกจ้างหยุดวันศุกร์แต่มีวันเสาร์อาทิตย์คั่นตรงกลางแล้วพอถึงวันจันทร์วันอังคารลูกจ้างก็หยุดไม่มาทำงานอีก 2 วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรในกรณีนี้เข้าองค์ประกอบที่ไหนจ้างสามารถที่จะบอกเลิกจ้างได้ทันทีโดยลูกจ้างจะอ้างเหตุผลว่ามีวันหยุดเสาร์อาทิตย์คั่นอยู่ไม่ครบองค์ประกอบนั้นไม่ได้ซึ่งกรณีนี้ไม่มีผลทางกฎหมาย แต่ในเรื่องนี้ก็มีคำที่น่าพิจารณาว่าการหยุด 3 วันนี้ไม่มีเหตุผลอันสมควรกรณีอย่างนี้นายจ้างสามารถที่จะบอกเลิกจ้างได้ตามกฎหมายได้อย่างชัดเจน ท่าการหยุดติดต่อกัน 3 วันนี้มีเหตุผลที่เป็นอันสมควรคำว่าเหตุผลอันเป็นที่สมควรนี้ก็ไม่สามารถที่จะถือว่าเข้าข่ายนายจ้างจะต้องบอกเลิกจ้างต่อลูกจ้างได้ซึ่งเหตุผลที่สมควรหรือไม่สมควรนี้ก็จะต้องไปพิจารณากันอีกครั้งถ้ามีกรณีข้อพิพาทเกิดขึ้นในกรณีนี้เมื่อลูกจ้างขาดงานเกิน 3 วันก็ควรนายจ้างก็ควรจะพิจารณาด้วยความเป็นธรรมซึ่งถ้านายจ้างเห็นว่าลูกจ้างขาดงานเกิน 3 วันวันที่ 4 นายจ้างบอกเลิกสัญญาจ้างหรือให้ลูกจ้างนั้นออกจากงานโดยทันทีนั้นไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมายเพราะนายจ้างจะต้องทำตามกระบวนการถ้าเกิดกรณีพิพาทกันเกิดขึ้นนายจ้างจะต้องมีเอกสารหลักฐานแจ้งให้ฉันทราบด้วยว่ามีกระบวนการติดตามพนักงานที่ขาดงานนานแล้วโดยนายจ้างมีเอกสารหลักฐานติดตามให้ลูกจ้างกลับมาทำงานจริง
นายจ้างต้องมีกระบวนการที่ทำให้ศาลเชื่อว่าได้ดำเนินการติดตามให้ลูกจ้างกลับเข้ามาทำงานแล้วแต่ลูกจ้างก็ยังไม่กลับมาทำงานซึ่งกรณีนี้มีหลายครั้งที่นายจ้างบอกกล่าวเลิกจ้างลูกจ้างไปแล้วแต่ต้องรับลูกจ้างให้กลับเข้ามาทำงานตามคำสั่งของศาลเพราะมีเหตุมีหลักฐานไม่อาจเชื่อได้ว่าลูกจ้างนั้นละทิ้งหน้าที่ในการทำงานเกิน 3 วันเก่งแต่ลูกจ้างนั้นมีเหตุผลอันสมควรในกรณีที่หยุดเกิน 3 วันดังกล่าว กรณีข้อต่อมากรณีที่ลูกจ้างได้รับโทษตามคำพิพากษาให้ถึงที่สุดให้จำคุกคำว่าถึงที่สุดต้องถึงที่สุดจริงๆเช่นศาลลงโทษลูกจ้างที่กระทำความผิดโดยประมาทซึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายกรณีที่ได้รับบาดเจ็บชื่อเรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานฉันอาจจะมีการลงโทษจำคุกพิพากษา 1 ปีหรือปรับ 10000 บาทและเนื่องจากจำเลยได้รับรับสารภาพศาลจึงลดโทษให้เหลือครึ่งหนึ่งจากโทษจำคุก 1 ปีเหลือเพียง 6 เดือนและให้รอลงอาญาโดยให้ผู้ได้รับโทษมารายงานตัวทุกๆ 1 เดือนซึ่งในกรณีนี้นายจ้างอาจจะพิจารณาว่าได้รับโทษจำคุก 1 ปีก็เข้าใจว่าถึงที่สุดแล้วใช้คำว่าถึงที่สุดนั้นเป็นการรอลงอาญาไม่ใช่กรณีพิพากษาจำคุก 1 ปีชื่อเรื่องนี้นายจ้างไม่มีสิทธิ์ลงโทษลูกจ้างตามกฎหมายมาตรานี้ซึ่งเรื่องนี้ต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่าถึงที่สุดของคำพิพากษาของศาลนั้นอยู่ในกรณีใด ในกรณีต่อมาที่ลูกจ้างกระทำความผิดโดยเลินเล่อมีความประมาทโดยไม่ได้ตั้งใจศาลอาจจะมีคำสั่งลงโทษสถานเบาอาจจะเป็นโทษจำคุก 7 วันแต่ความเสียหายนั้นไม่ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อนายจ้างในกรณีนี้นายจ้างจะอ้างเหตุผลไม่จ่ายเงินค่าชดเชยให้กับลูกจ้างนั้นไม่ได้ ซึ่งในกรณีความผิดลหุโทษนี้ลูกจ้างอาจจะกระทำความผิดเปิดเครื่องเสียงดังทำให้ได้รับความเสียหายต่อบุคคลที่อยู่ใกล้เคียงกรณีนี้ถ้าศาลมีคำสั่งพิพากษาให้จ่ายค่าปรับ 5,000 บาทแต่ลูกจ้างไม่มีเงินจ่ายค่าปรับจะต้องติดคุกแทนการจ่ายค่าปรับเป็นจำนวน 5 วันกรณีนี้ลูกจ้างต้องติดคุก 15 วันก 5 วันทำให้ไม่สามารถที่จะไปทำงานได้นายจ้างก็ยกเอาเป็นเหตุว่าลูกจ้างขาดงานเกินกำหนดจึงบอกเลิกจ้างต่อลูกจ้างในกรณีนี้ศาลก็ต้องพิจารณาต่อว่าการหยุดงานของลูกจ้างนั้นส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อกิจการของนายจ้างมากน้อยหรือไม่เพียงใดแต่ถ้าไม่ส่งผลกระทบต่อนายจ้างอย่างร้ายแรงนายจ้างก็ไม่สามารถที่จะอ้างเหตุผลในการบอกเลิกจ้างกับลูกจ้างได้แต่อย่างใด
--------------------------------------------------------